รูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยใช้สถานการณ์จำลองแบบเสมือนจริงเพื่อส่งเสริมสมรรถนะการเรียนรู้ของนักเรียนนายสิบตำรวจ

บทคัดย่อ

ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: การจัดการเรียนรู้ด้วยสถานการณ์จำลอง (Simulation Approach) เป็นกิจกรรมการเรียนที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนแสดงบทบาท และแก้ปัญหาในสถานการณ์ที่สมมติขึ้น แล้วตัดสินใจและรับรู้ผลที่เกิดจากการกระทำของตนประกอบด้วยขั้นกิจกรรมสำคัญ ได้แก่ การแนะนำผู้เรียนด้วยการรับรู้ปัญหาที่จะต้องเผชิญ และแก้ไขให้บรรลุผล ให้ผู้เรียนซักถามในประเด็นที่สงสัย ให้โอกาสผู้เรียนวิพากการแสดงของตนพร้อมทั้งเหตุผลความเชื่อที่ต้องการทำงานชิ้นนั้นให้สำเร็จ เน้นให้ผู้เรียนได้ใช้ประสบการณ์เดิมเชื่อมโยงประสบการณ์ความรู้ใหม่ โดยเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เกิดการตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ได้เรียนสิ่งที่ท้าทาย สนับสนุนให้ค้นพบคำตอบด้วยตัวเอง และครูผู้สอนคอยให้ความช่วยเหลือกับผู้เรียนที่ต้องการให้ชี้แนะ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างมีศักยภาพ การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยใช้สถานการณ์จำลองแบบเสมือนจริง 2) เปรียบเทียบความสามารถในการเรียนรู้ก่อนและหลังการใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยใช้สถานการณ์จำลองแบบเสมือนจริง 3) ศึกษาสมรรถนะการเรียนรู้

ระเบียบวิธีการวิจัย: เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี แบบกึ่งทดลอง ผู้ให้ข้อมูลคือนักเรียนนายสิบตำรวจ จำนวน 35 คน เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ สถานการณ์จำลองแบบเสมือนจริงและแบบประเมินความสามารถ วิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้ค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติอ้างอิงได้แก่ สถิติทดสอบที การวิจัยเชิงปริมาณ ผู้ให้ข้อมูลคือนักเรียนนายสิบตำรวจ จำนวน 35 คน เครื่องมือเป็นแบบสอบถามโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิจัยเชิงคุณภาพ ผู้ให้ข้อมูลใช้การสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงกับผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 8 คน เครื่องมือได้แก่แบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์เนื้อหา

ผลการวิจัย: พบว่า 1. คะแนนความสามารถในการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียน การสอนโดยใช้สถานการณ์จำลองแบบเสมือนจริงของนักเรียนนายสิบตำรวจ สถานการณ์ที่ 1 “ส่งเสียงดัง ก่อความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อื่น” ก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ย 6.91 หลังเรียน 18.11 สถานการณ์ที่ 2 “นักเรียน นักศึกษา ยกพวกตีกัน” ก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ย 6.71 หลังเรียน 18.37 สถานการณ์ที่ 3 “เสพและครอบครองยาบ้า” ก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ย 7.49 หลังเรียน 18.91 2. การเปรียบเทียบคะแนนความสามารถในการเรียนรู้ก่อนและหลังการใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยใช้สถานการณ์จำลองแบบเสมือนจริง 3 สถานการณ์พบว่า คะแนนเฉลี่ยความสามารถในการเรียนรู้หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3. สมรรถนะการเรียนรู้ของนักเรียนนายสิบตำรวจ ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.44. S.D.=0.63)

สรุปผล: ผลการวิจัยสรุปได้ว่า ผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยใช้สถานการณ์จำลองแบบเสมือนจริงของนักเรียนนายสิบตำรวจ ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 ทั้ง 3 สถานการณ์พบว่าหลังเรียนมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าก่อนเรียน การเปรียบเทียบความสามารถในการเรียนรู้ก่อนและหลังการใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยใช้สถานการณ์จำลองแบบเสมือนจริงพบว่า คะแนนเฉลี่ยความสามารถในการเรียนรู้ของนักเรียนนายสิบตำรวจหลังเรียนสูงกว่ากอนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐาน และผลการศึกษาสมรรถนะการเรียนรู้ของนักเรียนนายสิบตำรวจ ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 ภาพรวมอยู่ในระดับมาก ด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ด้านจริยธรรมตำรวจ ข้อเสนอแนะที่สำคัญได้แก่ การนำรูปแบบการสอนแบบสถานการณ์จำลองไปใช้ในหลักสูตรระยะสั้นอื่นๆ ซึ่งโรงเรียนตำรวจจัดขึ้นเพื่อเพิ่มทักษะในการเรียนรู้