การนิเทศแบบสนับสนุนเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนในสถานการณ์ โควิด 19 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 2
คำสำคัญ:
การนิเทศแบบสนับสนุน, ยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน, สถานการณ์โควิด 19บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อประเมินสมรรถภาพในการนิเทศแบบสนับสนุนเพื่อยกระดับ
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนในสถานการณ์โควิด 19 2. ประเมินความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนิเทศแบบสนับสนุนเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนในสถานการณ์โควิด 19 3. ประเมินความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนในสถานการณ์โควิด 19 4. ประเมินความพึงพอใจของผู้บริหารและครูที่มีต่อนิเทศแบบสนับสนุนเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนในสถานการณ์โควิด 19 5. ประเมินความพึงพอใจของนักเรียนและผู้ปกครองที่มีต่อเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนในสถานการณ์โควิด 19 6.ประเมินผล การเรียนรู้ของนักเรียนก่อนและหลังการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนในสถานการณ์โควิด 19
ในการวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง ประเภทการทดลองกึ่งทดลอง (Pre Experimental Design) ซึ่งผู้วิจัยได้ดำเนินการทดลองตามแบบแผนการวิจัยแบบ One Group Pretest Posttest Design กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ กลุ่มตัวอย่าง ในการวิจัยครั้งนี้ คือ 1) ผู้บริหารจำนวน 7 คน 2) ครู 7 โรงเรียน 1 สาขา จำนวน 12 คน ในกลุ่มตะนาวศรี โดยใช้การสุ่มแบบอาสาสมัคร (volunteer sampling) 3) นักเรียนจำนวน 328 คน และ4) ผู้ปกครอง จำนวน 328 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทยและคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 2) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับชาติ 3) แบบประเมินทักษะการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยและคณิตศาสตร์ 4) แบบสอบถามความพึง
พอใจเกี่ยวกับการนิเทศการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 5) คู่มือการนิเทศการสอน 6) แบบประเมินสมรรถภาพครู 7) แบบสัมภาษณ์ 8) แบบประเมินทักษะการนิเทศการสอน 9) แบบทดสอบวัดความรู้เกี่ยวกับการนิเทศการสอน 10) แบบสอบถามความพึงพอใจเกี่ยวกับการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการวิเคราะห์เนื้อหา(Content Analysis) วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณสถิติวิเคราะห์ โดย ใช้สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistic) ได้แก่ ค่าร้อยละ ส่วนที่เป็นคำถามมาตราส่วนประมาณค่า วิเคราะห์ด้วยการหาค่าเฉลี่ย ค่าเฉลี่ยร้อยละและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า ครูผู้นิเทศมีสมรรถภาพในการนิเทศแบบสนับสนุนเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลอง ครูผู้รับการนิเทศมีสมรรถภาพในการจัดการเรียนรู้เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลอง นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ผู้บริหารโรงเรียน ครู นักเรียน ผู้ปกครองพึงพอใจเกี่ยวกับการนิเทศแบบสนับสนุนเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน อยู่ในระดับมากที่สุด
References
Board of Basic Education. (2017). Curriculum for early childhood education, 2017. Page 1. Bangkok : Printing House, National Agricultural Cooperative Association.
Chomphukham, W. (2016). Development of Educational Supervision Competencies to Become Professional Educational Supervisors. FEU Academic Review. 10(4), 161-174.
Namwan, P. (2018). The development of teaching supervision system in educational institutions. under the office Secondary Education Area Area 24. Journal of Graduate School Sakon Nakhon Rajabhat University. 15(69), 52-61.
Srisaard, B. (2011). Preliminary research. (9thed). Bangkok: Suweeriyasan Co., Ltd.
Tuereandee, W. (2013). Teaching supervision and coaching. Professional Development: Strategic Theory to Practice. Nakhon Pathom: Silpakorn University Printing House.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2023 อารยา ช่ออังชัญ

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์เป็นของผู้ประพันธ์บทความ