ผลการจัดการเรียนรู้รายวิชาทัศนศิลป์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้การศึกษาชั้นเรียนและการจัดการเรียนรู้แบบเปิด

ผู้แต่ง

  • ชิติพัทธ์ ประเสริฐสังข์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
  • ศิริพงษ์ เพียศิริ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

คำสำคัญ:

การศึกษาชั้นเรียนและวิธีการแบบเปิด, รายวิชาทัศนศิลป์

บทคัดย่อ

งานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาผลการจัดการเรียนรู้ รายวิชาทัศนศิลป์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้การศึกษาชั้นเรียน และการจัดการเรียนรู้แบบเปิด 2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้การศึกษาชั้นเรียนและการจัดการเรียนรู้แบบเปิด รูปแบบการวิจัย การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) โดยใช้การศึกษาชั้นเรียน และการจัดการเรียนรู้แบบเปิด กลุ่มเป้าหมายนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนหนองกุงวิทยาคาร อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 7 คน โดยใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาทัศนศิลป์ จำนวน 4 แผน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล คือ แบบประเมินความพึงพอใจของผู้เรียนต่อการจัดการเรียนรู้รายวิชาทัศนศิลป์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้การศึกษาชั้นเรียน และการจัดการเรียนรู้แบบเปิด ซึ่งมีการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า

            1) ผลการจัดการเรียนรู้รายวิชาทัศนศิลป์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยการศึกษาชั้นเรียนและวิธีการแบบเปิด พบว่าการใช้วิธีการศึกษาชั้นเรียนและวิธีการจัดการเรียนรู้แบบเปิดนั้นสามารถทำให้นักเรียนได้รับความรู้ความเข้าใจในเรื่องการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์และการอธิบายผลงานอย่างเป็นลำดับขั้นตอนเพื่อให้เกิดความเข้าใจร่วมในชั้นเรียนและทำให้นักเรียนสามารถนำความรู้ไปพัฒนาเพื่อปรับใช้ในสถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้อย่างเหมาะสมและสร้างสรรค์ ซึ่งสามารถทำให้ครูผู้สอนได้เรียนรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมและกระบวนการสร้างสรรค์ผลงานของนักเรียนในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ รวมไปถึงการนำมาเป็นแนวทางในการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในโอกาสต่อไป

            2) ผลการประเมินความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้รายวิชาทัศนศิลป์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยการศึกษาชั้นเรียนและวิธีการแบบเปิดพบว่า นักเรียนส่วนใหญ่มีความพึงพอใจอยู่ในระดับดีมาก ( = 4.81, S.D.=0.170)

เอกสารอ้างอิง

Dewey, J. (1963). Experience and Education. The Kappa Delta Pi Lecture Series. New York Macmillan.

Guilford, J. P. (1967). Creativity: Yesterday, today, and tomorrow. The Journal of Creative Behavior, 1(1), 3–14.

Inprasit, M. (2003). Documents for teacher training. Khon Kaen : Khon Kaen University.

Ministry of Education. (2008). Basic Education Core Curriculum 2008. Bangkok: Ministry of Education.

Munkham, S. (2004). Strategy-Teaching Applied Thinking. Bangkok : Parbpim.

Naen-Udon, S. (2007). Development of learning activities by using an open approach in Thai language learning group. Grade 6, Ban Bueng Niam Bueng Khian School, academic year 2007. Khon Kaen : Khon Kaen University.

Puttachak, K. (2010). Factors Influencing the Performance of Personnel in Schools Providing Teaching for Students with Disabilities. and underprivileged students in Ubon Ratchathani Province, Yasothon Province, Amnat Charoen Province and Sisaket Province under the Office of Special Education Administration Office of the Basic Education Commission. Ubon Ratchathani Rajabhat : Ubon Ratchathani Rajabhat University.

Sawada, T. (1997). Developing Lesson Plans. In: J. Becker, & S. Shimada (Eds.), The Open-Ended Approach: A New Proposal for Teaching Mathematics (pp. 1-9). Reston, VA: National Council of Teachers of Mathematics.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2022-08-28

รูปแบบการอ้างอิง

ประเสริฐสังข์ ช., & เพียศิริ ศ. . (2022). ผลการจัดการเรียนรู้รายวิชาทัศนศิลป์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้การศึกษาชั้นเรียนและการจัดการเรียนรู้แบบเปิด. Journal for Developing the Social and Community, 9(2), 543–558. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/rdirmu/article/view/261040

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย