แนวทางการพัฒนาการปฏิบัติงานของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 27

บทคัดย่อ

การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ศึกษาสภาพที่เป็นจริงและสภาพที่คาดหวังของการปฏิบัติงานของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 27 และ 2) เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนามาตรฐานการปฏิบัติงานของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 27 การวิจัยแบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ศึกษาสภาพที่เป็นจริงและสภาพที่คาดหวังของทางการพัฒนาการปฏิบัติงานของครู กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ บุคลากรผู้เกี่ยวข้องทางการศึกษา จำนวน 265 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับมีค่าอำนาจจำแนก 0.21– 0.76 และมีค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามทั้งฉบับเท่ากับ 0.96 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูปเพื่อหาค่าร้อยละค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าดัชนีความต้องการจำเป็น (PNI) และระยะที่ 2 ศึกษาแนวทางการพัฒนามาตรฐานการปฏิบัติงานของครู ผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิทางการศึกษา จำนวน 14 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา

          ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพที่เป็นจริงและสภาพที่คาดหวังของการปฏิบัติงานของครู พบว่า สภาพการปฏิบัติอยู่ในระดับปานกลาง โดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ ด้านการจัดการเรียนการสอน และด้านการบริหารจัดการชั้นเรียนที่ดี 1.1) สภาพที่คาดหวังของการปฏิบัติงานของครู โดยรวมมีสภาพการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านการจัดการเรียนการสอน ด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพครู และ ด้านการบริหารจัดการชั้นเรียนที่ดี 2) แนวทางการพัฒนามาตรฐานการปฏิบัติงานของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 27 พบว่า 2.1) ด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพครู จากการสัมภาษณ์ สรุปได้ว่า ครูควรศึกษา ตำรา เอกสาร การเข้าร่วมอบรมสัมมนาทางวิชาการ การศึกษาหาข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์ การหาสื่อทางวิชาการต่าง ๆ ที่เหมาะสมต่อการจัดการเรียนรู้ และการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น จะเป็นแนวทางในการพัฒนาวิชาชีพครูที่เหมาะสมและต่อเนื่อง รวมถึงสถานศึกษาควรมีนโยบายที่ช่วยสนับสนุนการพัฒนาวิชาชีพครู มีการประชุมปรึกษาหารือ มีโครงการรองรับการพัฒนาครูอย่างน้อยภาคเรียนละ 1 ครั้ง จัดนิเทศติดตามการพัฒนาครูและรายงานการพัฒนาประเมินความก้าวหน้าเป็นประจำ การพัฒนาตนเองอยู่เสมอ 2.2) ด้านการบริหารจัดการชั้นเรียนที่ดี จากการสัมภาษณ์ สรุปได้ว่า โรงเรียนต้องมีงบประมาณที่เพียงพอต่อการจัดสภาพแวดล้อมในสถานศึกษา ทั้งภายในห้องเรียนและนอกห้องเรียน ส่งเสริมให้ครูได้จัดห้องเรียน เพื่อสร้างบรรยากาศในชั้นเรียนที่เอื้อต่อการเรียนรู้และสนุกสนาน ทำให้ผู้เรียนได้มีเจตคติที่ดีต่อการเรียน และเกิดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพและเต็มศักยภาพ รวมถึงโรงเรียนควรจัดการเรียนการสอนนอกสถานที่เพื่อเอื้อต่อการเรียนรู้ที่หลากหลาย และมีการจัดแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายและเชื่อมโยงกับประสบการณ์จริง 2.3) ด้านการจัดการเรียนการสอน จากการสัมภาษณ์สรุปได้ว่า สถานศึกษาต้องมีส่วนร่วมในการวางแผน พัฒนางานของสถานศึกษา อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ โดยมีกระบวนการจัดการเรียนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนเป็นสำคัญ จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้คิดและลงมือปฏิบัติจริง เพื่อให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ รวมถึงส่งเสริมให้ครู ผู้ปกครอง และชุมชน ร่วมมือกันในการจัดการเรียนการสอน การประเมินการผลการจัดการเรียนรู้ เพื่อที่จะนำผลที่ได้มาร่วมกันหาแนวทางพัฒนา การแก้ปัญหาและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม