แนวทางการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อสังคมในอำเภอพบพระ จังหวัดตาก

ผู้แต่ง

  • ดุษฎี มุกดาอ่อน สาขาวิชาการการท่องเที่ยวและการบริการ คณะบริหารธุรกิจและศิลปศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ตาก
  • ณัชชิยา โม้ฟู สาขาวิชาการจัดการ คณะบริหารธุรกิจและศิลปศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ตาก
  • สุวัจนกานดา พูลเอียด สาขาวิชาการการท่องเที่ยวและการบริการ คณะบริหารธุรกิจและศิลปศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ตาก
  • ศิริศักดิ์ ศักดิ์ศิริคุณ สาขาวิชาการการท่องเที่ยวและการบริการ คณะบริหารธุรกิจและศิลปศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ตาก

คำสำคัญ:

แนวทางการพัฒนา, ธุรกิจเพื่อสังคม, ผู้ประกอบการ, ความสำเร็จของธุรกิจเพื่อสังคม

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาองค์ประกอบที่ส่งผลต่อศักยภาพของผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อสังคมในอำเภอพบพระ จังหวัดตาก 2) เพื่อพัฒนารูปแบบผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อสังคมอำเภอพบพระ จังหวัดตาก          3) เพื่อพัฒนาคู่มือการใช้รูปแบบการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อสังคมอำเภอพบพระ จังหวัดตาก เป็นการผสมผสานงานวิจัยเชิงปริมาณและงานวิจัยเชิงคุณภาพ ดำเนินการเก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์แบบกึ่งมีโครงสร้างกับสถานประกอบการที่เกี่ยวข้อง และการเก็บแบบสอบถามจากผู้ประกอบการ ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ กำหนดผู้ให้ข้อมูลหลักคือผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อสังคมในอำเภอพบพระ จังหวัดตาก โดยใช้การเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ซึ่งเป็นการเลือกโดยพิจารณาตามเหตุผลในการวิจัย โดยอาศัยความรอบรู้ ความชำนาญและประสบการณ์ของผู้ให้ข้อมูล จำนวน 400 คน ส่วนข้อมูลเชิงคุณภาพ คือ ผู้ประกอบการ ดำเนินธุรกิจมาไม่ต่ำกว่า 2 ปี ประกอบไปด้วย ผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อสังคม อำเภอพบพระจำนวน 5 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 3 ชนิด คือ 1) แบบสัมภาษณ์ 2) สอบถาม 3) สนทนากลุ่ม สถิติที่ใช้ ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ละสถิติอ้างอิง ได้แก่   การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ (Exploratory Factor Analysis) และการวิเคราะห์ในรูปแบบนิรนัย (Deductive Reasoning) 

ผลการวิจัยพบว่า ผู้ตอบส่วนใหญ่เป็นเป็นเพศชาย มีอายุน้อยกว่า 35ปี ระดับการศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญาตรี มีประสบการณ์ทำงานอยู่ที่ น้อยกว่า 5 ปี ระยะเวลาการดำเนินการน้อยกว่า 5 ปี บุคลากรในองค์กร จำนวนน้อยกว่า 50 คน ผลการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression Analysis) ด้วยวิธีแบบขั้นตอน (Stepwise) พบว่ามีตัวแปรอิสระทั้งหมด 4 ตัวแปร ที่เข้าสู่สมการถดถอยพหุคูณอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ได้แก่ มิติด้านความเป็นผู้ประกอบการ มิติด้านการบริหารจัดการ มิติด้านการตลาดธุรกิจบริการที่เกี่ยวกับธุรกิจเพื่อสังคม มิติด้านความรู้และเทคโนโลยี โดยมีค่าประสิทธิภาพในการทำนายที่ปรับแล้ว (Adjusted R Square) โดยมีค่าประสิทธิภาพในการทำนายที่ปรับแล้ว (Adjusted R Square) เท่ากับ .673 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 เป็นการเพิ่มขึ้นในด้านความรู้และเทคโนโลยี (T) จะทำให้ค่าความสำเร็จของธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.355 หน่วย ขณะที่การส่งเสริมด้านการตลาดธุรกิจบริการเพื่อสังคม (SBC) จะช่วยเพิ่มความสำเร็จ 0.280 หน่วย ด้านความเป็นผู้ประกอบการ (ETP) มีผลต่อความสำเร็จในระดับ 0.169 หน่วย และสุดท้าย ด้านการบริหารจัดการ (M) มีผลต่อความสำเร็จในระดับ 0.118 หน่วย ซึ่งจากค่าสัมประสิทธิ์ที่ได้แสดงให้เห็นว่า ปัจจัยที่มีอิทธิพลสูงที่สุดต่อความสำเร็จของธุรกิจเพื่อสังคมในพื้นที่ คือ ด้านความรู้และเทคโนโลยี รองลงมาคือ ด้านการตลาดธุรกิจบริการเพื่อสังคม ตามด้วย ด้านความเป็นผู้ประกอบการ และด้านการบริหารจัดการ ตามลำดับ

เอกสารอ้างอิง

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า. (2560). การจดทะเบียนธุรกิจและผลการให้บริการกรมพัฒนาธุรกิจการค้า. http://www.dbd.go.th/ewt_news.php?nid=469402207&filename=index.

สมคิด บางโม. (2545). องค์การและการจัดการ (พิมพครั้งที่ 3 ). วิทยพัฒน์.

สรวงอัยย์ อนันทวิจักษณ์, สุภัททา ปิณฑะแพทย์, กุญชรี ค้าขาย และวิเชียร เกตุสิงห์. (2558, ตุลาคม-ธันวาคม). องค์ประกอบของการเสริมสร้างศักยภาพของผู้บริหาร. วารสารการบริหารท้องถิ่น, 8(4), 76-93.

สำนักนายกรัฐมนตรี. (2560). ร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) (สรุปย่อ). สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.

สุรชัย ภัทรบรรเจิด. (2552). ปัจจัยสู่ความสำเร็จในธุรกิจของผู้ประกอบการ SMEs. http://www.manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9520000011977.

EMES International Research Network. (2014). Social Enterprise. http://www.emes.net/about-us/focus-areas/social-enterprise.

Galera, G. & Borzaga, C. (2009). Social enterprise: an international overview of its conceptual evolution and legal implementation. Social Enterprise Journal, 5(3), 210-228.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

31-08-2025