ทวารวดีในศรีสะเกษ : ชุมชนโบราณและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในบริเวณลุ่มแม่น้ำมูล - ห้วยทับทันช่วงพุทธศตวรรษที่ 12-16

Main Article Content

วุฒิชัย นาคเขียว
บริพัตร อินปาต๊ะ
ศิริวุฒิ วรรณทอง
ธันยพงศ์ สารรัตน์

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ของการศึกษาสองประการ ประการแรก ศึกษาแหล่งประวัติศาสตร์และชุมชนโบราณในวัฒนธรรมทวารวดีบริเวณลุ่มแม่น้ำมูล - ห้วยทับทันในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ และประการที่สอง ศึกษาความสำคัญของหลักฐานทางประวัติศาสตร์สมัยวัฒนธรรมทวารวดีในพื้นที่ดังกล่าว โดยใช้วิธีวิจัยทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีในการสำรวจและวิเคราะห์หลักฐานที่พบในชุมชนโบราณเพื่ออธิบายความสัมพันธ์ของวัฒนธรรมทวารวดีที่ปรากฏร่องรอยในพื้นที่ดังกล่าว จากการศึกษาพบว่ามีชุมชนโบราณสมัยทวารวดีไม่น้อยกว่ายี่สิบชุมชนตั้งตัวเรียงรายอยู่ในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำมูล - ห้วยทับทัน และมีหลักฐานอย่างน้อยห้าประเภทที่สะท้อนอิทธิพลทางวัฒนธรรมสมัยทวารวดีในช่วงพุทธศตวรรษที่ 12-16 คือ 1) ลักษณะคูน้ำคันดินล้อมรอบสองชั้น 2) เสมาหินทรายหรือศิลาแลง 3) ซากโบราณสถานสถูปหรือเจดีย์ก่อด้วยอิฐดินเผา 4) ศิลาจารึกภาษาสันสฤตอักษรปัลลวะ และ 5) ชิ้นส่วนรูปเคารพขนาดเล็กเนื่องในพุทธศาสนาที่คาดว่าสัมพันธ์กับนิกายมหายาน บทความนี้ต้องการเสนอว่าวัฒนธรรมทวารวดีในศรีสะเกษเป็นส่วนหนึ่งของ “วัฒนธรรมทวารวดีอีสาน” ที่รับอิทธิพลความเชื่อทางพุทธศาสนามาจากหลากหลายช่องทางเข้ามาผสมผสานกับความเชื่อท้องถิ่น และในบางกรณียังพบร่องรอยวัฒนธรรมเจนละผสมผสานอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ร่องรอยวัฒนธรรมทวารวดีในศรีสะเกษพบหลักฐานที่หลากหลาย ทั้งที่สะท้อนถึงอิทธิพลความเชื่อทางศาสนาและอำนาจทางการเมืองที่เหลื่อมซ้อนกันอยู่ แต่น่าเสียดายปัจจุบันยังขาดการศึกษาทางวิชาการและการขุดค้นทางโบราณคดีอย่างเพียงพอ เพื่อไขปริศนานี้ให้กระจ่าง

Downloads

Download data is not yet available.

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
นาคเขียว ว., อินปาต๊ะ บ. ., วรรณทอง ศ. ., & สารรัตน์ ธ. . (2025). ทวารวดีในศรีสะเกษ : ชุมชนโบราณและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในบริเวณลุ่มแม่น้ำมูล - ห้วยทับทันช่วงพุทธศตวรรษที่ 12-16. วารสารศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 25(1), 256–286. https://doi.org/10.64731/jla.v25i1.281946
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กรมศิลปากร. (2565). เมืองโบราณสมัยทวารวดี. https://www.finearts.go.th/main/view/31461

กรมศิลปากร. (2566). วัฒนธรรมเสมาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. https://finearts.go.th/storage/contents/2023/04/detail_file/jKKTbK9yYhfyLVHsjMP2qafNwgB8zmEKep7ae4HV.pdf

กังวล คัชชิมา. (2562). รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์เรื่องจารึกพระเจ้ามเหนทรวรมัน. มหาวิทยาลัยศิลปากร.

กำพล จำปาพันธ์. (30 กรกฎาคม 2567). ‘ภูพระบาท’ มรดกโลกร่วมวัฒนธรรมลุ่มน้ำโขง (ไทย-กัมพูชา-ล้านช้าง). The People. https://www.thepeople.co/thought/hard-opinions/53843

คณะกรรมการจัดพิมพ์เอกสารประวัติศาสตร์ สำนักนายกรัฐมนตรี. (2513). ประชุมจารึก ภาคที่ 4: ประมวลจารึกที่พบในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลางของประเทศไทยอันจารึกด้วยอักษรและภาษาไทย, ขอม, มอญ, บาลี, สันสกฤต. กรมศิลปากร.

คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ. (2544). วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญาจังหวัดศรีสะเกษ. โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.

ชิน อยู่ดี. (2529). สมัยก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทย. กรมศิลปากร.

ธิดา สาระยา. (2540). อาณาจักรเจนละ: ประวัติศาสตร์อีสานโบราณ (พิมพ์ครั้งที่ 2). มติชน.

นภวรรณ์ มีลักษณะ. (2548). ทวารวดีในประวัติศาสตร์นิพนธ์ไทย [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

นัก ปวศ.ถอดรหัสจารึกพม่าบน ‘ปืนใหญ่’ ทำไมเรียก ‘อยุธยา’ ว่า ‘ทวารวดี’ เชื่ออังวะขนกลับคราวกรุงแตก. (4 เมษายน 2563). มติชนออนไลน์. https://www.matichon.co.th/education/news_2122631

ผาสุข อินทราวุธ. (2544). รายงานการขุดค้นเมืองโบราณฟ้าแดดสงยาง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์. มหาวิทยาลัยศิลปากร.

พิพัฒน์ กระแจะจันทร์. (2557ก). จาก “มะนิ่ฮ ญัฮกุร” (ชาวญัฮกุร) สู่การเป็นมอญทวารวดีและกระบวนการคืนความรู้สู่ชุมชนบ้านไร่. วารสารอารยธรรมศึกษาโขง-สาละวิน, 5(1), 78-87. https://so04.tci-thaijo.org/index.php/jnuks/article/view/55736

พิพัฒน์ กระแจะจันทร์. (2557ข). ว่าด้วยแนวทางของการศึกษาประวัติศาสตร์สมัยโบราณ. วารสารดำรงวิชาการ, 23(1), 205-238.

พิริยะ ไกรฤกษ์. (2542). การปรับเปลี่ยนยุคสมัยของพุทธศิลป์ในประเทศไทย. วารสารเมืองโบราณ, 25(2), 10-36.

เมธี เมธาสิทธิ สุขสำเร็จ. (2557). การศึกษาและรวบรวมข้อมูลชุมชนโบราณที่มีคูน้ำคันดินล้อมรอบในเขตจังหวัดอุบลราชธานี ยโสธร และอำนาจเจริญ. มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.

ยอร์ช เซเดส์. (2542). ยอร์ช เซเดส์กับตะวันออกศึกษา รวมบทความแปล. ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร.

รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง. (2558). ทวารวดีในอีสาน. มติชน.

รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง. (2561). หลักหิน-ใบเสมาในวัฒนธรรมทวารวดีภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย. มิตร41.

รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล. (2567). ภูพระบาท: ปูชนียสถานบนภูพานศักดิ์สิทธิ์สองฝั่งโขง. วารสารศิลปวัฒนธรรม, 538(45), 43-87.

วารุณี โอสถารมย์. (2547). เมืองสุพรรณบนเส้นทางการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์พุทธศตวรรษที่ 8 - ต้นพุทธศตวรรษที่ 25. สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

วุฒิชัย นาคเขียว. (2567). ประวัติศาสตร์นิพนธ์เมืองศรีสะเกษตั้งแต่ทศวรรษ 2370 จนถึงปัจจุบัน. วารสารประวัติศาสตร์ ธรรมศาสตร์, 11(1), 65-95.

ศรีศักร วัลลิโภดม. (2533). แอ่งอารยธรรมอีสาน: แฉหลักฐานโบราณคดีพลิกโฉมประวัติศาสตร์ไทย (พิมพ์ครั้งที่ 2). มติชน.

ศรีศักร วัลลิโภดม. (2565). จากเสมาอีสานถึงเสมาฟ้าแดด. วารสารเมืองโบราณ, 48(2), 18-22.

ศิราพร ณ ถลาง. (2563). ทฤษฎีคติชนวิทยา วิธีวิทยาในการวิเคราะห์ตำนาน-นิทานพื้นบ้าน (พิมพ์ครั้งที่ 4). สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สฤษดิ์พงศ์ ขุนเดช. (2559). โบราณคดีเมืองนครปฐม: การศึกษาอดีตของศูนย์กลางแห่งทวารวดี (พิมพ์ครั้งที่ 2). ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน).

สำนักงานจังหวัดศรีสะเกษ. (2567). แผนพัฒนาจังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. 2566-2570. ศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ.

สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา. (2565). การขุดตรวจ โบราณสถานกู่แก้วสี่ทิศบ้านหว้าน ตำบลหว้านคำ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ. https://www.finearts.go.th/fad10/view/42823

สำนักหอสมุดแห่งชาติ. (ม.ป.ป.). โครงการพิพิธภัณฑ์สัญจร เนื่องในวันพิพิธภัณฑ์ไทย ประจำปีพุทธศักราช 2564 ณ พิพิธภัณฑ์กู่แก้วสี่ทิศ วัดพระธาตุกู่แก้ว อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567, จาก https://www.finearts.go.th/nlt/view/27609

สุภัทรดิศ ดิสกุล, หม่อมเจ้า. (2560). ประวัติศาสตร์เอเชียอาคเนย์ถึง พ.ศ. 2000 (พิมพ์ครั้งที่ 6). สมาคมประวัติศาสตร์ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี.

สุรพล ดำริห์กุล. (2567). ประวัติศาสตร์และศิลปะอีสาน. เมืองโบราณ.

สุรีรัตน์ บุพผา. (2567). โบราณคดีเชิงพื้นที่ภูมิทัศน์ศักดิ์สิทธิ์บนเทือกเขาพนมดงรักฝังตะวันออก. วารสารดำรงวิชาการ, 23(1), 219-246.

Anderson, B. (2006). Imagined communities: Reflections on the origin and spread of nationalism. Verso.

Aymonier, É. (1885). Notes sur le Laos. Imprimerie du Gouvernment.

Boeles, J. J. (1964). The king of Sri Dvaravati and his regalia. Journal of Siam Society, 52, pp. 99-114.

Higham, C. (2002). Early cultures of mainland Southeast Asia. River Books.

Hoshino, T. (2002). Wen Dan and its neighbours: The Central Mekong valley in the seventh and eighth centuries. In M. Ngaosrivarhana & K. Breazeale (Eds.), Breaking new ground in Lao history: Essays on the seventh to twentieth centuries (pp. 25-72). Silkworm Books.

Murphy, S. A. (2010). The Buddhist boundary markers of Northeast Thailand and Central Laos, 7th-12th centuries BC: Toward an understanding of archaeological, religious, and artistic landscapes of the Khorat plateau [Unpublished doctoral dissertation]. University of London.

Peleggi, M. (2016). Excavating Southeast Asia’s prehistory in the Cold War: American archaeology in neocolonial Thailand. Journal of Social Archaeology, 16(1), 94-111. https://doi.org/10.1177/1469605315609441