การศึกษารูปแบบความรัก บทบาททางเพศ และพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของนักศึกษาไทย ระดับปริญญาตรีในเขตกรุงเทพมหานคร
Main Article Content
บทคัดย่อ
ปัจจุบันประเด็นความรักและพฤติกรรมทางเพศในวัยรุน โดยเฉพาะกับกลุ่มนักศึกษาระดับปริญญาตรี ได้ก่อให้เกิดปัญหาด้านสังคมและสุขภาวะในระดับวิกฤติของชาติปัญหาหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามยังพบว่ามีงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมความรักและพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่นกลุ่มนี้อยู่ไม่มากนัก ผู้วิจัยจึงสนใจศึกษา โดยมีวัตถุประสงค์หลักที่สำคัญคือ 1) เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของนักศึกษาไทยระดับปริญญาตรี กับตัวแปรรูปแบบความรัก และบทบาททางเพศ 2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ และตัวทำนายพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศจากตัวแปรรูปแบบความรัก บทบาททางเพศ และการรับรู้พฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของเพื่อนสนิท
งานวิจัยนี้ใช้วิธีวิทยาการวิจัยทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพร่วมกัน โดยในเชิงปริมาณใช้วิธีการสำรวจจากเครื่องมือวัดรูปแบบความรัก (LAS) ของซี เฮนดริกส์ และเอส เฮนดริกส์ ปี ค.ศ. 1990 แบบวัดบทบาททางเพศของนักศึกษาไทย (TSRI) ซึ่งพัฒนาจากแบบสอบวัดบทบาททางเพศของเบ็ม ค.ศ. 1974 และแบบสอบถามพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ (SRBQ) และการวิจัยเชิงคุณภาพใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือ นักศึกษาไทยระดับปริญญาตรีในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 1,093 คน โดยแบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 2 กลุ่มคือ 1) กลุ่มที่เคยมีประสบการณ์ทางเพศ จำนวน 490 คน เป็นรักต่างเพศที่เป็นชาย 286 คน หญิง 159 คน และเป็นกลุ่มรักร่วมเพศ จำนวน 45 คน 2)กลุ่มที่ไม่มีประสบการณ์ทางเพศมาก่อน จำนวน 603 คน เป็นรักต่างเพศที่เป็นชาย 184 คน หญิง 395 คน และเป็นกลุ่มรักร่วมเพศ จำนวน 24 คน
ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบความรักและบทบาททางเพศ มีปฏิสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศเฉพาะในกลุ่มนักศึกษาที่ตอบแบบสอบถามว่าตนไม่มีประสบการณ์ทางเพศมาก่อน ในขณะที่นักศึกษาที่มีประสบการณ์ทางเพศพบว่าไม่มีปฏิสัมพันธ์กันและทั้งตัวแปรรูปแบบความรัก บทบาททางเพศและการรับรู้พฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของเพื่อนสนิทร่วมกันทำนายพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศได้ ทั้งในกลุ่มนักศึกษาที่เคยมีประสบการณ์ทางเพศ และไม่มีประสบการณ์ทางเพศมาก่อน
Love and sexual behaviors among adolescents have increasingly become critical issues by bringing social and health problems to Thailand. However, few studies have investigated the relationships among these behaviors, especially in undergraduate students. Thus, the two mains objectives of this study were 1) to compare the sexual risk behaviors of the undergraduate Thai students who differ in views on love styles and sexual role and 2) to identify the relationships and the predictors of sexual risk behaviors by love styles, sexual roles and the perception of sexual risk behaviors in close friends.
The study combined both quantitative (a survey using LAS [C. Hendrick and S. Hendrick, 1990], TSRI modified from the Bem sex role inventory, 1974 and the SRBQ) and qualitative methodologies (in-depth interviews). The sample consisted of 1,093 Thai undergraduate students in Bangkok, separated into two groups-those who had sexual experience n = 490 (heterosexual males n = 286, females n =159, homosexuals n =45) and those who had never had sexual experience n = 603 (heterosexual males n = 184, females n =395, homosexuals n = 24.)
The results of study showed that for the students who reported themselves as never having had sexual experience an interactive was indicated between love styles and sexual roles on sexual risk behaviors, which was not found in the other group. Moreover, love styles, sexual roles and the perception of sexual risk behaviors in close friends together predicted sexual risk behaviors in both groups of students.