ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2
คำสำคัญ:
องค์กรแห่งการเรียนรู้, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ศึกษาระดับการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 และ 2. ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 จำนวน 172 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ
ผลการวิจัยพบว่า 1. ระดับการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 โดยรวม อยู่ในระดับมาก (=4.20) 2. การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 โดยรวมอยู่ในระดับมาก (
=4.44) 3. ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ < 0.001 มีค่าสัมประสิทธิ์พยากรณ์ = .263 (Adjusted R2 = .263)
เอกสารอ้างอิง
กนกเนตร คำไพ. (2566). ปัจจัยทางการบริหารที่ส่งผลต่อการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ของโรงเรียน ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 1 (วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา). สกลนคร: มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.
นฤมล จิตรเอื้อ และวิโรจน์ เจษฎาลักษณ์. (2562). การส่งเสริมพฤติกรรมการทำงานอย่างสร้างสรรค์เพื่อสร้างประสิทธิผลของนวัตกรรมและผลการดำเนินงานขององค์กร. วารสารบริหารธุรกิจเทคโนโลยีมหานคร, 16(1), 200-229.
ปิยบุตร บำเพ็ญผล. (2567). ปัจจัยที่ส่งผลการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ของสำนักงานพระพุทธศาสนาในประเทศไทย (วิทยานยิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์). นครพนม: มหาวิทยาลัยนครพนม.
พรนรี พิชนาหารี. (2563). ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ของสำนักงานศาลยุติธรรม (วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยการจัดการ). พระนครศรีอยุธยา: มหาวิทยาลัยราช ภัฏพระนครศรีอยุธยา.
พัชรกันย์ เมธาอัครเกียรติ และประสพชัย พสุนนท์. (2561). ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. Veridian E-Journal, Silpakorn University, 11(1), 1944-1958.
วัลยา แซ่จิว. (2558). การพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ระบบเศรษฐกิจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ด้วยการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างสรรค์ความรู้ (วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการสอนสังคมศึกษา). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
สุวารี อินแสน. (2563). การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ของสำนักงานเทศบาลเมืองสามควายเผือก จังหวัดนครปฐม (วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาการจัดการ). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
อัญชลี มาลีเวชกร. (2553). การศึกษาการรับรู้เกี่ยวกับการเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ตามแนวคิดของ Peter M. Senge : ศึกษากรณี กรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย. กรุงเทพฯ: ม.ป.พ.
Alavi, M. & Leidner, D. E. (2001). Knowledge Management and Knowledge Management Systems: Conceptual Foundations and Research Issues. MIS Quarterly, 1(10), 107-136.
Alsaeedi, F. & Male, T. (2020). Transformational Leadership and Organizational Learning: A Study of Saudi Public Sector Organizations. International Journal of Public Leadership, 16(3), 243-258.
Anand, A. & Brix, J. (2022), The Learning Organization and Organizational Learning in The Public Sector: A Review and Research Agenda. The Learning Organization, 29(2), 129-156.
Antunes, H. & Pinheiro, P. (2023). Learning Organizations in Public Sector: Resilience and Innovation in Governance. International Journal of Public Administration, 46(1), 12-25.
Brix, J. (2019). Exploring Knowledge Creation Processes as a Source of Organizational Learning: A Longitudinal Case Study of a Public Innovation Project. Scandinavian Journal of Management, 33(2), 113-127.
Listiani, W. et al. (2022). YouTube as Digital Learning Resources for Teaching Bilingual Young Learners. New York: Routledge.
Marsick, V. J. & Watkins, K. E. (2015). Informal and Incidental Learning in the Workplace. New York: Routledge.
Nonaka, I. & Takeuchi, H. (1995). SECI Model. Retrieved September 30, 2024, from http://en.wikipedia.org/wiki/SECI_model_of_knowledge_dimensions
Pereira, R. & Silva, M. J. (2022). Knowledge Management and Public Policy Innovation: A Learning Organization Perspective. Journal of Knowledge Management, 26(8), 1803-1820.
Schein, E. H. (2010). Organizational Culture and Leadership (7th ed.). San Francisco: Jossey-Bass.
Schiuma, G. & Lerro, A. (2021). Knowledge-Based Dynamic Capabilities and Firm Performance: The Mediating Role of Organizational Learning. Journal of Knowledge Management, 25(1), 128-149.
Senge, P. M. (1990). The Fifth Discipline: The Art and Practice of the Learning Organization. New York: Doubleday Currencey.
_____. (2016). The Fifth Discipline: The Art and Practice of the Learning Organization. New York: Crown Business.
Watkins, K. E. & Marsick, V. J. (1996). Management: A Practical Introduction. New York: McGraw-Hill.
Yamane, T. (1973). Statistics: An Introductory Analysis (3rd ed.). New York: Harper and Row.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ภาพหรือตารางหรือเนื้อหาอื่นๆ ของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้งแสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์ หากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดเบื้องต้น ทางวารสารจะถอดบทความของท่านออกโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น

