การศึกษาความต้องการซื้อสินค้าแบรนด์เนมของวัยรุ่น ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
คำสำคัญ:
ความต้องการซื้อ, สินค้าแบรนด์เนม, วัยรุ่นในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาบทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อศึกษาความต้องการซื้อ 2) ระดับความคิดเห็น และ 3) ปัญหาที่ตามมาจากการซื้อสินค้าแบรนด์เนมของวัยรุ่นในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็น การวิจัยเชิงสำรวจ โดยใช้แบบสอบถามสำรวจกับกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจำนวน 300 คน สถิติที่ใช้ได้แก่ ค่าเฉลี่ย, ค่าไคสแควร์ และการทดสอบ t
ผลการศึกษาพบว่า 1) กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 61.67 มีความต้องการซื้อสินค้า แบรนด์เนม ร้อยละ 38.33 ไม่ต้องการซื้อ 2) สำหรับระดับความคิดเห็นที่กลุ่มตัวอย่างต้องการซื้อนั้นมีความคิดเห็นว่า สินค้าแบรนด์เนมเป็นสินค้าที่มีคุณภาพดี มีลักษณะเฉพาะ ไม่เหมือนใครมากกว่ากลุ่มตัวอย่างที่ไม่ต้องการซื้อ กลุ่มที่ไม่ต้องการซื้อเห็นว่า เป็นสินค้าที่มีราคาแพง เหมาะสมกับผู้ที่มีรายได้สูงแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ณ ระดับ .05 วัยรุ่นเพศชายจะซื้อรองเท้าในระดับราคา 199-5,500 บาท ส่วนเพศหญิงจะซื้อกระเป๋าราคา 200-6,000 บาท ในขณะที่เสื้อและกางเกงมีสัดส่วนไม่แตกต่างกัน ปัจจัยที่ความสัมพันธ์ต่อการซื้อสินค้าแบรนด์เนมพบว่า รายได้ ระดับความคิดเห็น และกลุ่มอ้างอิง และ 3) กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 6.49 มีปัญหาตามมาจากการซื้อสินค้าแบบรนด์เนมคือ สินค้ามีราคาแพงเกินไป เหลือเงินสำหรับการใช้จ่ายน้อยลง การแก้ไขปัญหาคือ ลดปริมาณความต้องการซื้อให้น้อยลง
เอกสารอ้างอิง
ขัตติยา ชาญอุไร. (2548). บทบาทของนิตยสารในการสื่อความหมายเชิงอัตลักษณ์ของวัยรุ่น (วิทยานิพนธ์วารสารศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสื่อสารมวลชน). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ธาริกา ฉัตรกมลธรรม. (2562). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการซื้อสินค้าแบรนด์เนมของกลุ่มเพศทางเลือก LGBTQ+ ในประเทศไทย (ปริญญานิพนธ์มหาบัณฑิต สาขาวิชาบริหารธุรกิจ). พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยนเรศวร.
พิชัย นิรมานสกุล. (2554). พฤติกรรมการท่องเที่ยว การเปิดรับข่าวสาร การรับรู้ภาพลักษณ์ และการยอมรับคุณค่าแบรนด์เมืองท่องเที่ยวไทย คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย: กรุงเทพฯ : ม.ป.ท.
พิชนิดา บุตรโคตร. (2561). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าแบรนด์เนมประเภทไฮเอนด์ ผ่านช่องทางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-commerce) ในบริบทของ Facebook (ปริญญานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบริหารเทคโนโลยี). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ปุณรดา ถาวรจิระอังกูร. (2558). อิทธิพลกลุ่มอ้างอิงที่มีต่อการตัดสินใจซื้อโทรศัพท์เคลื่อนที่ แบบสมาร์ทโฟนของนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (ปริญญานิพนธ์เศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
ภาวิณี แสงมณี. (2558). พฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนมของพนักงานบริษัทเอกชน บริเวณศูนย์การค้าสยามพารากอน (ปริญญานิพนธ์มหาบัณฑิต สาขาบริหารธุรกิจ). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต.
วิทวัส รุ่งเรืองผล. (2563). หลักการตลาด พิมพ์ครั้งที่ 10. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
องอาจ นัยพัฒน์. (2544). อำนาจของการทดสอบทางสถิติ : ข้อควรคำนึงสำหรับการกำหนดขนาดตัวอย่างเพื่อการวิจัย. วารสารพฤติกรรมศาสตร์, 7(1), 7-8.
อมรวิชช์ นาครทรรพ. (2546). การติตดามสภาวการณ์เด็กและเยาวชน (Child Watch) ระยะนำร่อง 12 จังหวัด. สืบค้น 27 มิถุนยาน 2564, จาก https://doi.nrct.go.th/ListDoi/listDetail?Resolve_DOI=10.14457/CU.res.2003.20
อุมาภรณ์ สุขารมณ์. (2561). จิตวิทยาพัฒนาการ (พิมพ์ครั้งที่3). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
Kutlu Ergün. (2021). Determinants of Demand for Luxury Goods: A Comparative Study among Three European Countries. Retrieved July 31, 2021, from https://www.researchgate.net/publication/349457094 Determinants of Demand for Luxury Goods A Comparative Study among Three European Countries.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ภาพหรือตารางหรือเนื้อหาอื่นๆ ของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้งแสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์ หากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดเบื้องต้น ทางวารสารจะถอดบทความของท่านออกโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น

