THE MODEL OF CULTURAL TOURISM MANAGEMENT OF TEMPLES IN RATCHABURI PROVINCE

Authors

  • Phrakhru Pituksilapakom (Nuchit Vajiravuddho) Mahachulalongkornrajavidyalaya University
  • Phraudomsittinanok (Kampol Kunungkaro) Mahachulalongkornrajavidyalaya University
  • Nigorn Srirat Mahachulalongkornrajavidyalaya University

Keywords:

Management, Cultural Tourism, Ratchaburi Province

Abstract

Objectives of this research were to study the general condition, procedures and present the model. The research methodology was the qualitative research. Data were collected from 25 key informants by indepth-interview with structured in-depth-interview script that had scale-level content validity index of 1.00 as the data collection tool. The data received were analyzed by content with context analysis technique. Twelve academic dignitaries participated in the focus group discussion, and the data received were analyzed by content with context analysis technique.

The research results were found that 1. The monasteries had strong and prominent community identity, cultural capital, but some monks still lacked the necessary knowledge for cultural tourism management. 2. The process of management was found that the preparation of a plan by emphasizing the participation of all groups of stakeholders. The organizational aspects, the roles and duties in each position within the temple, were the clearly defined, the personnel arrangement, household personnel should be the local people in order to create jobs and build up good relationships with the community. The management aspect was to avoid conflicts that may occur in all cases, etc. And supervision aspect, such as   operations according to the planned work should be regularly monitored. 3. The model of management was found that the use of local cultural heritage or material culture as tourist attractions, including the introduction of technology to assist the journey by providing the route map on the temple's webpage. The facilities including facilitating the provision of food, drink and souvenir shops. In terms of services, such as providing a service system for tourism information of the temple should be provided.

References

กอปรลาภ อภัยภักดิ์. (2564). การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามหลักสังคหวัตถุ 4. วารสารสหวิทยาการนวัตกรรมปริทรรศน์, 4(1), 80-87.

กัลยรัศมิ์ ทิณรัตน์และคณะ. (2557). แนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน: กรณีศึกษาบ้านโคกก่องตำบลกุดหว้า อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ (รายงานการวิจัย). กาญจนบุรี: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาญจนบุรี.

จริยา มหายศนันทน์. (2558). การพัฒนาบทบาทและหน้าที่ในการบริหารงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์). พระนครศรีอยุธยา: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

จามร ช้างมงคล. (2564). ความพึงพอใจของประชาชนต่อการจัดการงานสาธารณูปการของวัดเวฬุวนาราม อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี. วารสารพุทธนวัตกรรมและการจัดการ, 4(1), 10-19.

จำนงค์ อดิวัฒนสิทธิ์ และคณะ. (2548). สังคมวิทยา (พิมพ์ครั้งที่ 12). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์.

ณรงค์ จันทรัศมี. (2558). การพัฒนาการบริหารจัดการกิจการสาธารณะด้วยหลักพุทธธรรมของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์). พระนครศรีอยุธยา: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

บุณรดา กรรณสูต. (2558). การประยุกต์รูปแบบการบริหารเชิงพุทธของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในจังหวัดนนทบุรี (วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์). พระนครศรีอยุธยา: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

พรศิริ วิรุณพันธ์. (2551). การศึกษากระบวนการมีส่วนร่วมของผู้นำท้องถิ่นต่อการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม กรณีศึกษา : วัดพระธาตุเรืองรอง (รายงานการวิจัย). ศรีสะเกษ: มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ.

พระครูสมุห์วัลลภ ฐิตสํวโร. (2558). การบริหารจัดการด้านสาธารณูปการตามหลักพุทธธรรมของคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ (วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์). พระนครศรีอยุธยา: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

พระมหาสมชาย สุขาวหโน. (2558). การพัฒนาการบริหารจัดการโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนในเขตการปกครองคณะสงฆ์ภาค 9 (วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์). พระนครศรีอยุธยา: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

รัศมี อ่อนปรีดา. (2558). การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของจังหวัดราชบุรี และสมุทรสงคราม (วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์). ปทุมธานี: มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์.

วีระ บำรุงรักษ์. (2540). ระบบการบริหารจัดการวัฒนธรรมสำหรับสำนักโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ กรมศิลปากร. กรุงเทพฯ: ภาพพิมพ์.

สมศักดิ์ คล้ายสังข์. (2549). ยุทธศาสตร์การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมย่านเยาวราช ศึกษากรณี : เทศการกินเจ (รายงานการวิจัย). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา.

สามารถ จันทร์สูรย์ และประทีป อินแสง. (2541). การศึกษากับศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ.

สุพัตรา สุภาพ. (2541). สังคมและวัฒนธรรมไทย ค่านิยม : ครอบครัว : ศาสนา : ประเพณี. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช.

อรทัย เลิศวรรณวิทย์. (2556). แนวทางการสร้างและจัดการอัตลักษณ์สำหรับขนมไทยเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม (รายงานการวิจัย). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต.

อาภารัศมี บรรเจิดจรัสเลิศ. (2564). การจัดการงานสาธารณตามแนวพระพุทธศาสนา ขององค์กรการกุศลในจังหวัดราชบุรี. วารสารพุทธนวัตกรรมและการจัดการ, 4(1), 1-9.

Buhalis, D. (2000). Marketing the Competitive Destination in the Future. Tourism Management, 1(21), 97-116.

Downloads

Published

2022-02-24

How to Cite

(Nuchit Vajiravuddho), P. P. ., (Kampol Kunungkaro), P., & Srirat, N. . (2022). THE MODEL OF CULTURAL TOURISM MANAGEMENT OF TEMPLES IN RATCHABURI PROVINCE. Journal of MCU Social Science Review, 11(1), 180–196. Retrieved from https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jssr/article/view/253745