THE MODEL OF PALM LEAF SCRIPTURES CONSERVATION MANAGEMENT OF MONASTERIES IN BANGKOK

Authors

  • Phramaha Thongchai Visuddho Mahachulalongkornrajavidhayalaya University
  • Phrametidhammajan (Prasarn Chanthasaro) Mahachulalongkornrajavidhayalaya University
  • Phramaha Krisada Kittisobhano Mahachulalongkornrajavidhayalaya University
  • Prasert Thilao Mahachulalongkornrajavidhayalaya University

Keywords:

Model, Management, Restoration, Palm leaf scriptures

Abstract

Objectives of this research article were to analyze the general condition, process and propose a model of palm leaf scripture restoration management using the qualitative research, data were collected from 20 key informants by in-depth interviews and from 10 participants in focus group discussion, purposefully selected and analyzed data by descriptive interpretation. Findings were that 1. The palm leaf scriptures are still in good condition but monasteries did not have enough personnel and lacked knowledge and budget for operation. 2. The management process had 2 major issues: 1) Basic issue; inventory, separation, cleaning etc. 2) Specific issue; the use of specific techniques for management. 3. A model of the management consisted of 9 parts: 3.1 clear policy for palm leaf scripture restoration, 3.2 dissemination of knowledge from the palm leaf scriptures to the public with information communication technologies, 3.3 use of modern technologies for modern and agile management, 3.4 complete registering and cataloging, 3.5 inventory and repairing the damaged ones to be in good condition, 3.6 duplicating the palm leaf scriptures with digital system for research, 3.7 temperature control for special scriptures for stativity, 3.8 exchange, duplicate, transfer and translate the palm leaf scriptures into  foreign languages, 3.9 set up retrieving system both in house and by internet.

References

ชูศักดิ์ ทิพย์เกษร. (2551). พระพุทธศาสนาในศรีลังกา. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: เชน ปริ้นติ้ง.

ประสิทธิชัย เลิศรัตนเคหกาล และคณะ. (2561). การพัฒนารูปแบบการจัดการคัมภีร์ใบลานในประเทศไทย. อินฟอร์เมชั่น, 25(1), 51- 59.

พระชยานันทมุนี. (2560). การสืบค้นการจัดระบบอนุรักษ์เอกสารคัมภีร์โบราณของวัดและถ่ายทอดภูมิปัญญาล้านนาเพื่อสร้างแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่นของจังหวัดน่าน. วารสารธาตุพนมปริทรรศน์, 1(2), 189 - 897.

พระชยานันทมุนี และคณะ. (2562). การสืบค้นและการอนุรักษ์คัมภีร์ใบลานล้านนาของวัดเพื่อสร้างแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่นภาคเหนือ. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, 6(1), 133.

พระมหาประกาศิต สิริเมโธ. (2562). รูปแบบการอนุรักษ์เอกสารคัมภีร์โบราณเพื่อการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวัฒนธรรมแก่เยาวชนในจังหวัดนครปฐม และจังหวัดสุพรรณบุรี. วารสารศิลปศาสตร์ราชมงคลสุวรรณภูมิ, 1(2), 119-120.

พระมหาสุทิตย์ อาภากโร และคณะ. (2560). การพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องจับยึดและพลิกคัมภีร์ใบลานอัตโนมัติสำหรับการถ่ายภาพดิจิทัลเพื่ออนุรักษ์คัมภีร์ธรรมทางพระพุทธศาสนา (รายงานการวิจัย). พระนครศรีอยุธยา : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

พระราชธรรมนิเทศ (ระแบบ ฐิตญาโณ). (2536). ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย.

มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2539). พระไตรปิฎกฉบับภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2560). อรรถกถาฉบับภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

ราชบดินทร์ สุวรรณคัณฑิ และวัชชรา บูรณสิงห์. (2553). ระบบบริหารจัดการทะเบียนใบลาน (รายงานการวิจัย). กรุงเทพฯ : สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ.

วีณา วีสเพ็ญ และคณะ.(2554). อนุรักษ์ ฟื้นฟู บูรณาการ โครงการอนุรักษ์ใบลาน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. มหาสารคาม : อภิชาติการพิมพ์.

สุรธัชนุกูล นุ่นภูบาล และคณะ. (2561). วรรณกรรมท้องถิ่นกับการจัดการทรัพยากรทางวัฒนธรรม : ปริวรรตใบลาน วัดศรีชมชื่น บ้านคกเลาใต้ ตำบลบุฮม อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย” (รายงานการวิจัย). กรุงเทพฯ: กระทรวงวัฒนธรรม.

สำนักหอสมุดแห่งชาติ. (2556). ความรู้ด้านการซ่อมอนุรักษ์คัมภีร์ใบลาน. กรุงเทพฯ: สำนักหอสมุดแห่งชาติ.

Downloads

Published

2021-03-20

How to Cite

Visuddho, P. T. ., (Prasarn Chanthasaro), P., Kittisobhano, P. K. ., & Thilao, P. (2021). THE MODEL OF PALM LEAF SCRIPTURES CONSERVATION MANAGEMENT OF MONASTERIES IN BANGKOK. Journal of MCU Social Science Review, 10(1), 92–104. Retrieved from https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jssr/article/view/249561