การจัดการสิ่งแวดล้อมภายในวัดของพระสังฆาธิการในอำเภอวังน้อยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
คำสำคัญ:
การจัดการ, สิ่งแวดล้อม, วัดบทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์คือ1)เพื่อศึกษาการจัดการสิ่งแวดล้อมภายในวัดของพระสังฆาธิการในอำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา2) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบความคิดเห็นของพระสงฆ์ที่มีต่อการจัดการสิ่งแวดล้อมภายในวัดของพระสังฆาธิการในอำเภอวังน้อยจังหวัดพระนครศรีอยุธยาโดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล 3) เพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะต่อการจัดการสิ่งแวดล้อมภายในวัดของพระสังฆาธิการในอำเภอวังน้อยจังหวัดพระนครศรีอยุธยาการวิจัยครั้งนี้เป็นงานวิจัยแบบผสานวิธี ระหว่างงานวิจัยเชิงปริมาณ ด้วยการวิจัยเชิงสำรวจ เก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเองโดยมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ0.896 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่พระสงฆ์ในอำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยาจำนวน๑๙๕รูป วิเคราะห์ผลการวิจัยโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูปทางสังคมศาสตร์สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ค่าความถี่และค่าร้อยละค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานการทดสอบค่าเอฟ (F-test) ด้วยวิธีการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One Way ANOVA) ในกรณีตัวแปรต้นตั้งแต่ 3 กลุ่มขึ้นไป เมื่อพบว่ามีความแตกต่างจะทำการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ด้วยวิธีผลต่างนัยสำคัญน้อยที่สุด (Least Significant Difference : LSD.)การวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 8 รูป/คน ใช้แบบสัมภาษณ์เป็นเครื่องมือและวิเคราะห์ข้อมูลแบบพรรณนา
ผลการวิจัยพบว่า
1. พระสงฆ์มีความคิดเห็นต่อการจัดการสิ่งแวดล้อมภายในวัดของพระสังฆาธิการในอำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานอยู่ในระดับ (=75, S.D.= 0.736) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้าน ดังนี้ด้านการใช้อย่างยั่งยืน (=3.83 , S.D.= 0.864)ด้านการขจัดของเสีย/มลพิษ (=3.76 , S.D.= 0.931) ด้านการควบคุมกิจการและการจัดการ (=3.67 , S.D.= 0.904)
2.ผลการเปรียบเทียบสมมติฐานการวิจัยระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล คือ อายุ พรรษา วุฒิการศึกษาสามัญ วุฒิการศึกษานักธรรม และวุฒิการศึกษาเปรียญธรรมพบว่า พระสงฆ์ที่มีอายุ พรรษา วุฒิการศึกษาสามัญ วุฒิการศึกษานักธรรม และวุฒิการศึกษาเปรียญธรรมมีความคิดเห็นต่อการจัดการสิ่งแวดล้อมภายในวัดของพระสังฆาธิการในอำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยาไม่แตกต่างกันจึงปฏิเสธสมมติฐานที่ตั้ง
3.ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการพัฒนาจัดการสิ่งแวดล้อมภายในวัดของพระสังฆาธิการในอำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้แก่ ปัญหา อุปสรรค พบว่า ขาดการวางแผนระยะยาว ไม่มีบุคลากรมาให้ความรู้เกี่ยวกับมลพิษและสิ่งแวดล้อมไม่มีการจัดระเบียบแผนงานนำถังขยะวานไว้เป็นจุดทิ้งหรือการกำจัดขยะ พบว่า สิ่งแวดล้อมต่างทั้งในวัดและชุมชนรอบวัด ถูกละเลย ปล่อยให้รกสกปรก ไม่มีแผนการปรับภูมิทัศน์ให้วัดและชุมชนดูสวยงาม ข้อเสนอแนะ พบว่า ควรนำเศษรฐกิจพอเพียงของพระเจ้าอยู่หัว มาใช้ จัดตั้งกลุ่มจิตอาสาดูแลความสะอาดบริเวณวัด ควรมีการวางแผนงานจัดทำโครงการรณรงค์ทิ้งขยะให้ถูกที่และการนำขยะมาใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า ควรมีการจัดการสิ่งแวดล้อม ทั้งภายในและภายนอก รวมทั้งการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมต่างๆ ให้น่ามองอยู่เสมอ
เอกสารอ้างอิง
PhrakhrusutthikitwithanPaphatsaro( Saengarun). (2014).The role of monks in community development: A case study of WatKaewFahLuang, Bangkok. (Social development).(Master of Thesis). Graduate School: Mahachulalongkornrajavidyalaya University.
PrawetWasi. (2002).Priests with social knowing.Measurement Management in the Globalization Era. Bangkok: Rajabhat Institute Council.
SomphongDunyaanukit. (2006). Social Sciences and Development. Bangkok: Odean Store
YutthanaSudakham. (2012). Public Participation in Environmental Management: A Case Study of Pa Sak Village. DoiSaket District, DoiSaketChiangmai Province.(Independent Study). Graduate School: Chiang Mai University.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2020 วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ภาพหรือตารางหรือเนื้อหาอื่นๆ ของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้งแสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์ หากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดเบื้องต้น ทางวารสารจะถอดบทความของท่านออกโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น

