บทบาทเชิงรุกของพระสงฆ์ในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน ในจังหวัดชลบุรี
คำสำคัญ:
บทบาทเชิงรุก, การส่งเสริม, คุณภาพชีวิตบทคัดย่อ
บทความวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์คือ1)เพื่อศึกษาสภาพบทบาทปัจจุบันของพระสงฆ์ในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน ในจังหวัดชลบุรี2)เพื่อศึกษาการประยุกต์และหลักพุทธธรรมที่เกี่ยวข้องกับบทบาทเชิงรุกของพระสงฆ์ในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน ในจังหวัดชลบุรีและ 3)เพื่อนำเสนอบทบาทเชิงรุกของพระสงฆ์ในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน ในจังหวัดชลบุรีระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ จากการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 25 ท่าน และการสนทนากลุ่มเฉพาะผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 12 ท่าน วิเคราะห์ข้อมูลโดยเทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหาเชิงพรรณนา เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสัมภาษณ์ และแบบสนทนากลุ่ม
ผลการวิจัยพบว่า
1.ปัจจุบันพระสงฆ์มีส่วนร่วมได้น้อยเกี่ยวกับประชาชนเนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ที่ไม่ยอมให้วัดเข้าไปมีบทบาทในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ที่สำคัญคือ การขาดพระสงฆ์ที่มีความรู้ความสามารถเป็นวิทยากรทั้งนี้สถานภาพทางสังคมของพระสงฆ์ ถือว่าเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของคนในชุมชนมีบทบาทในการเทศน์เนื่องในโอกาสต่างๆ ให้ ลด ละ เลิก อบายมุขต่างๆ ยังมีส่วนร่วมในการจัดการปัญหาความขัดแย้งในระดับบุคคล และกลุ่มบุคคลด้วยอีกทั้งช่วยในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
2.การส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน ด้านร่างกาย ต้องมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงได้รับการดูแลโดยนำหลักศีลธรรมมาควบคุมความประพฤติ การมีวินัย ในการใช้ชีวิตโดยการรักษาศีล ปฏิบัติตน ลด ละ เลิก อบายมุข เพื่อสุขภาพที่ดีบริโภคอาหารถูกสุขลักษณะ พักผ่อนและออกกำลังเป็นประจำด้านจิตใจ นำหลักอิทธิบาทเป็นแนวทางในการส่งเสริมคุณภาพชีวิต ที่มีฐานแห่งความสำเร็จ มีความเพียรพยายาม เป็นนิสัยความเอาใจใส่มีเหตุและผล โดยใช้ปัญญาเป็นเครื่องนำทางสอนให้คิดแบบ โยนิโสมนสิการ คือ การรู้จักคิด วิเคราะห์ หลักทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ในการส่งเสริมด้านเศรษฐกิจเศรษฐกิจในชุมชนในท้องถิ่นจะดี ถ้าประชาชน คิดได้ คิดเป็น โดยมีพระสงฆ์ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจสอนให้มีความขยันหมั่นเพียรประกอบอาชีพสุจริตยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ให้รู้จักใช้ รู้จักจ่าย และเก็บออม สังคหวัตถุในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตด้านสังคม สังคมจะน่าอยู่ ถ้าคนในสังคมอัธยาศัยที่ดีต่อกัน เป็นเกราะป้องกันให้ชุมชนยั่งยืนการให้ความรู้ การแนะนำที่ถูกต้อง เช่น การเป็นพระวิทยากรในการถ่ายทอดความรู้ให้กับชาวบ้านหลักอาวาสสัปปายะในการส่งเสริมด้านสภาพแวดล้อมส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนเกิดความตระหนักถึงความสำคัญของการมีสภาพแวดล้อมที่
3.พระสงฆ์มีบทบาทเชิงรุกของในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน ในจังหวัดชลบุรีด้วยการส่งเสริม สนับสนุน และให้การสงเคราะห์ แก่ประชาชนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี
ด้วยหลักชุมชนดีเพราะคนสุขภาพดี จิตใจมีศีล มีศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวคนในชุมชน รู้จักใช้ชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง เป็นสังคมที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แบ่งปันความรู้ ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ต่อกัน มีสภาพแวดล้อมดี ร่วมกันอนุรักษ์ น้ำ อากาศ ทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ ด้านร่างกายคือการพิจารณาสุขภาวะทางกายให้รู้เห็นตามสภาพความเป็นจริงของสังขาร เพื่อสุขภาพที่ดี โดยมีพระสงฆ์เป็นต้นแบบ "วัดส่งเสริมสุขภาพ"ด้านจิตใจ เพราะวัดเป็นที่พึ่งทางใจของประชาชน พระสงฆ์อบรมเมื่อมีโอกาสให้มีจิตใจที่ดีงาม มีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ ด้านเศรษฐกิจส่งเสริมประชาชนให้ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ขยันทำมาหากิน ไม่พึ่งสิ่งงมงายส่งเสริมการประกอบอาชีพเสริม ด้านสังคม การส่งเสริมสถาบันครอบครัว แสดงธรรมที่สอดคล้องกับชีวิตประจำวันเป็นวิทยากรให้ความรู้แก้ปัญหาของเยาวชนโดยร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆด้านสิ่งแวดล้อม เทศนาสั่งสอนชาวบ้านให้เกิดความรู้ ความเข้าใจในคุณประโยชน์และโทษของการตัดไม้ทำลายป่า ให้เห็นเป็นรูปธรรม ช่วยกันรักษาธรรมชาติให้เจริญตาและช่วยกันอนุรักษ์ต้นน้ำลำธาร
เอกสารอ้างอิง
TheerachaiChutimant. (2016).A Model of Community Management according to Buddhist Method Impacting Local Development of Local Administrative Organization (Doctor of thesis). Graduate School :Mahachulalongkornrajavidyalaya University.
Training Sector, Planning Division. (1999).Religions DepartmentEducational Ministry(Doctor of thesis).Bangkok: Religions Publis, 1999.
PhrapalatphiratdetThitawangso(MahaMontri).(2015).Buddhist Integrated Development of the Quality of Life of Fund Members Women's role development(Doctor of thesis).Graduate School: Mahachulalongkornrajavidyalaya University
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2020 วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ภาพหรือตารางหรือเนื้อหาอื่นๆ ของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้งแสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์ หากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดเบื้องต้น ทางวารสารจะถอดบทความของท่านออกโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น

