เทศนาวิธีเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระสงฆ์ในอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
คำสำคัญ:
เทศนาวิธี, การเผยแผ่พระพุทธศาสนาบทคัดย่อ
บทความวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์คือ1) เพื่อศึกษาเทศนาวิธีเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระสงฆ์ในอำเภอแก่งคอยจังหวัดสระบุรี2) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบความคิดเห็นของพระสงฆ์ที่มีต่อเทศนาวิธีเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระสงฆ์ในอำเภอแก่งคอยจังหวัดสระบุรี ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล3) เพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะต่อเทศนาวิธีเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระสงฆ์ในอำเภอแก่งคอยจังหวัดสระบุรีการศึกษาวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบผสานวิธีระหว่างงานวิจัยเชิงปริมาณด้วยการสำรวจเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเองโดยมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ0.982 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่พระสงฆ์ในอำเภอแก่งคอยจังหวัดสระบุรีจำนวน235รูปวิเคราะห์ผลการวิจัยโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูปทางสังคมศาสตร์สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ค่าความถี่และค่าร้อยละค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานทดสอบค่าเอฟ (f-test) ด้วยวิธีการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One Way ANOVA) ในกรณีตัวแปรต้นตั้งแต่ ๓ กลุ่มขึ้นไป เมื่อพบว่ามีความแตกต่างจะทำการเปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ด้วยวิธีผลต่างนัยสำคัญน้อยที่สุด (Least Significant Difference : LSD.)และการวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 7 รูป ใช้แบบสัมภาษณ์เป็นเครื่องมือและวิเคราะห์ข้อมูลแบบพรรณนา
ผลการวิจัยพบว่า
1. พระสงฆ์มีความคิดเห็นต่อเทศนาวิธีเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระสงฆ์ในอำเภอแก่งคอยจังหวัดสระบุรีในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลางและเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านทั้ง 4 ด้าน พบว่า สัมปหังสนาสมาทปนา สมุตเตชนา และสันทัสสนา อยู่ในระดับปานกลางทุกด้าน
2. ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นของพระสงฆ์ต่อเทศนาวิธีเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระสงฆ์ในอำเภอแก่งคอยจังหวัดสระบุรีจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคลโดยภาพรวม พบว่าพระสงฆ์ที่มีอายุพรรษาวุฒิการศึกษานักธรรมแตกต่างกันมีความคิดเห็นต่อเทศนาวิธีเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระสงฆ์ในอำเภอแก่งคอยจังหวัดสระบุรีแตกต่างกันจึงยอมรับสมมติฐานที่ตั้งไว้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05ส่วนพระสงฆ์ที่มีวุฒิการศึกษาเปรียญธรรม และวุฒิทางการศึกษาสามัญต่างกันมีความคิดเห็นต่อเทศนาวิธีเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระสงฆ์ในอำเภอแก่งคอยจังหวัดสระบุรีไม่แตกต่างกัน จึงปฏิเสธสมมติฐานที่ตั้งไว้
3.ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาเทศนาวิธีเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระสงฆ์ในอำเภอแก่งคอยจังหวัดสระบุรีได้แก่ พระสงฆ์มีประสบการณ์ด้านการใช้กลยุทธ์เทคนิคต่างๆในการเทศนายังไม่ดีพอ เนื่องจากพื้นฐานในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของแต่ละบุคคลนั้นต่างกัน บางรูปมาจากนักวิชาการจะถนัดในหลักธรรม บางรูปมาจากสำนักวิปัสสนาจะถนัดในพระอภิธรรม ความรู้ความสามารถจึงต่างกัน การแสดงเทศนาจึงมีแนวทางต่างกันไปด้วย การชี้แนะแนวทางให้ผู้ฟังนำหลักธรรมไปประพฤติปฏิบัติตามยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เนื้อหาในการเทศนาขัดกับอุปนิสัยหรือวัยของผู้ฟัง หรือนำเรื่องทางการเมืองมาสอดแทรก การอ่านคัมภีร์ไม่ชัดเจน ใช้วาจาความไม่เหมาะสมกับเพศและวัย ข้อเสนอแนะ คือ ควรฝึกหัดกลยุทธ์และเทคนิคต่างเพื่อทำให้การแสดงธรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ หมั่นศึกษาหลักธรรมคำสั่งสอนให้แตกฉานมีความรู้และสามารถนำไปเทศนาได้ มีวิธีการเทศน์การปฏิบัติที่ดีเพื่อเป็นตัวอย่างให้นำไปประพฤติปฏิบัติตาม
เอกสารอ้างอิง
Phradhammapitok (P.A. Prayutto) (1996). Thais and technology.5th edition. Bangkok: Dharma Dharma Foundation.
SuwariSiripokapirom. (2003). Educational Research.Lopburi: Printing Department, Rajabhat Institute.
Missionary Organization WatPrayoonWongsawatWorawihan .Sermon.Bangkok: Religion Publishing House.
PhramahaChanokKhemakãmo(Klaewkla). (2014). The Model of Buddhism Propagation WhithThe Modern Technology for Buddhist Monks in Chanthaburi Province(Master of Thesis). Graduate School: Mahachulalongkornrajavidyalaya University.
PhrasamuBoonmaPapassaro(Petch-O). (2013). The Roles in TheSangka Propagation At Bangplasub District, Banglan District, Nakhonpathom Province(Master of Thesis).Graduate School: Mahachulalongkorn-
rajavidyalaya University.
PhrakhruWiboonwarawat(TeeraAtipañño). (2014). The Roles on Buddhist Propagation of Sangka in Sawaengha District, Angthong Province(Master of Thesis). Graduate School: Mahachulalongkornrajavidyalaya University.
Phrakhruwisutthisilaphiwat(MataphiwatThitikol). (2016). Buddis Propagation of Monk in Saohai District, Saraburi Province(Master of Thesis).Graduate School: Mahachulalongkornrajavidyalaya University.
PhraathiganChalermIndavĩro. (2014). The Efficiency of Buddhist Propagation by Radio Station of Monks in Chanthaburi Province(Master of Thesis).Graduate School: Mahachulalongkornrajavidyalaya University.
PhrakhrusangharakPariwathSiridhommo(Kongyod).(2013). The Roles of Sangha on Buddhism PropagationgAt Secondary School in ChalermPhraKiet District, Saraburi Province(Master of Thesis).Graduate School: Mahachulalongkornrajavidyalaya University.
PhramahaChaowalitJatamadhĩ(khonggaew). (2009). The role of the monks in the administration of monks: case study. Monk in Phuket province(Master of Thesis).Graduate School: Mahachulalongkornrajavidyalaya University.
Phratanadonnakphiphut.(2008). Management of the SanghaBuriram province(Master of Thesis). Graduate School: Mahachulalongkornrajavidyalaya University.
PhramahaNarongmahãpañño(Suksomgit). (2015).The role of Buddhist monks propagation in Bang Len District, NakhonPathom Province(Master of Thesis) Graduate School: Mahachulalongkornrajavidyalaya University.
ไฟล์ประกอบ
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2020 วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ภาพหรือตารางหรือเนื้อหาอื่นๆ ของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้งแสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์ หากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดเบื้องต้น ทางวารสารจะถอดบทความของท่านออกโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น

