การพัฒนาการเทศน์มหาชาติในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
คำสำคัญ:
การพัฒนา, การเทศน์มหาชาติบทคัดย่อ
การวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ เพื่อ ๓) ศึกษาองค์ประกอบการเทศน์มหาชาติ ๒) ศึกษาสภาพปัญหาทั่วไปเกี่ยวกับการเทศน์มหาชาติในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ๓) นําเสนอ แนวทางการพัฒนาการเทศน์มหาชาติในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ศึกษาโดยใช้การวิจัยแบบ ผสานวิธี (Mixed-Method Research) ศึกษาการวิจัยเชิงปริมาณเป็นงานวิจัยหลัก และศึกษาการ วิจัยเชิงคุณภาพเป็นงานวิจัยสนับสนุน กับกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ พระนักเทศน์ และ ประชาชนผู้เคยฟังเทศน์มหาชาติที่มีต่อการพัฒนาวิธีการเทศน์มหาชาติในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จํานวน ๓๔๕ รูป โดยใช้วิธีการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Sampling) เครื่องมือวิจัยที่ใช้ในการเก็บ รวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม (Questionnaire) ลักษณะของแบบสอบถามทั้งปลายปิดและ ปลายเปิด ผู้วิจัยวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้โดยหาค่าความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation : S.D.) และเชิงคุณภาพ (Qualitative research) ใช้วิธีการศึกษาวิจัยเอกสาร (Documentary research) โดยการ สัมภาษณ์บุคคลแบบเจาะลึก (In-depth interview) เกี่ยวกับการการพัฒนาวิธีการเทศน์มหาชาติ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ผลการวิจัยพบว่า
๑. สภาพทั่วไปของการพัฒนาการเทศน์มหาชาติในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบว่า พระ ที่มีจิตใจรักในการเทศน์มหาชาติทํานอง หรือเทศน์ พบได้ยากเนื่องจากต้องเป็นผู้ที่มีความรักมีความ สนใจทุ่มเทในการฝึกฝนฝึกข้อม ฝึกร้อง ใส่ใจจริง มีความอดทน รักในการร้องเนื้อหา รักในการฝึก ทํานอง รักในการใช้ศัพท์ชั้นสูง ต้องฝึกทํานองใช้เสียงถ้าใช้ศัพท์ถูกต้อง มีศรัทธา สร้างเนื้อหามี อรรถรสดี ก่อให้เกิดเสน่ห์ มีผู้คนสนใจ จะตั้งใจฟังเป็นกรณีพิเศษอันเป็นการรักษาประเพณีที่ดีงาม ของชาติไว้และปัญหาพัฒนาการเทศน์มหาชาติในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประกอบด้วย ๑. มีคน
มาฟังน้อยลง ๒. ปัญหาสถานที่ในการชัตเทศน์มหาชาติ ๓. การขาดความร่วมมือของภาครัฐและ องค์กรต่าง ๆ ๔. การจัดเทศน์มหาชาติแต่ละครั้งต้องใช้งบประมาณเป็นจํานวนมาก ๕. ปัญหาการ นิมนต์พระ 5. ปัญหาการใช้ภาษาของพระเทศน์มหาชาติ
๒. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาการเทศน์มหาชาติในจังหวัด พระนครศรีอยุธยา โดยการหาค่าเฉลี่ย X และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (50) พบว่า ผู้ฟังเทศน์ มหาชาติในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในระดับมาก คือ ด้านบรรยากาศทั่วไป (La ๓.๕๙) สวนด้าน อื่นๆ ผู้ฟังเทศน์มหาชาติในจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีความคิดเห็นในระดับปานกลางทุกด้าน ด้าน ที่ผู้ฟังเทศน์มหาชาติในจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีความคิดเห็นในระดับปานกลาง ๓ อันดับแรก คือ ด้านสถานที่ (X4 2.๔๒) ด้านพระนักเทศน์ (X ๓.๕๐) และต้านระยะเวลา (X = ๓.๒๐) ตามลําดับ และเมื่อพิจารณาโดยภาพรวมพบว่า ผู้ฟังเทศน์มหาชาติในจังหวัดพระนครศรีอยุธยามี ความคิดเห็นในระดับปานกลาง (X = a.ma)
๓. การพัฒนาวิธีการเทศน์มหาชาติในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบว่า ๑. ด้านสถานที่ ควรมีสิ่งอํานวยความสะดวก มีความสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย มีการจัดและติดตั้งระบบเครื่อง เสียงที่ดี มีพื้นที่เหมาะสมแก่การจัดเทศน์มหาชาติ มีการจัดตําแหน่งของพระเทศน์และผู้ร่วมฟัง เทศน์อย่างเหมาะสม ๒.นพระนักเทศน์ ควรมีลีลาในการเทศน์ ท่วงทํานอง มีการใช้ภาษาและ การออกเสียงที่ชัดเจน มีความเข้าใจ และแม่นยําในเนื้อหาที่เทศน์เป็นอย่างดี มีการสอดแทรก ประยุกต์เนื้อหาเปรียบเทียบกับปัจจุบัน มีบุตสิกภาพน่าเลื่อมใสศรัทธาสมควรแก่สมณเขารูป 4.ด้านระยะเวลา ควรมีการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการเทศน์มหาชาติ มีระยะเวลาในการเทศน์ มหาชาติแต่ละกัณฑ์ มีพระนักเทศน์มีการบริหารเวลาที่เหมาะสมในการเทศน์ มีเวลาโดยรวมในการ เทศน์มหาชาติไม่น้อยและไม่มากจนเกินไป ๔.ต้นบรรยากาศทั่วไป ควรมีภายในสถานที่จัดเทศน์ มหาชาติ มีผู้ร่วมฟังเทศน์มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีให้แก่กันและกัน มีคณะผู้จัดการเทศน์มหาชาติ มีการ จัดบรรยากาศให้เข้ากับการเทศน์มหาชาติ สร้างบรรยากาศให้สงบ และสบายใจ การพัฒนาวิธีการ เทศน์มหาชาติควรเลือกวันฉัตเทศน์มหาชาติได้เหมาะสม โดยรูปแบบการเทศน์มหาชาติในปัจจุบัน แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ที่เป็นที่นิยมใน จังหวัดพระนครศรีอยุธยาศึg ส. ทรเทศน์มหาชาติแบบ เรียงกัณฑ์ไตยจะนิมนต์พระสงฆ์มาเทศน์มหาชาติเรียงไปตามสับกัณฑ์ ตั้งแต่เริ่มเทศน์กัณฑ์ศาm พันเรียงไปตามลําดับภัณฑ์ต่อไปคือ กัณฑ์ทศพร หิมพานต์ ทานกัณฑ์ วนปเวสน์ ชูชก สพน มหาพน กุมาร มัทรี สักบรรพ มหาราช กษัตริย์ นครกัณฑ์ จนรบกัณฑ์สุดท้าย ๒. การเทศน์ มหาชาติแนนประยุกต์ การเทศน์มหาชาติโดยการที่เป็นที่นิยมทั่วไปจะนิมนต์พระสงฆ์เทศน์เป็น 0 ธรรมาสน์ แล้วก็เริ่มเทศน์ตั้งแต่กัณฑ์แรกเรื่อยไปจนถึงกัณฑ์สุดท้ายหรียบางที่อารนิมนต์พระสงฆ์มา รูปเดียวก็มีเหมือนกันโดยนิมนต์ให้เทศน์ทั้ง ๓ กัณฑ์แต่เป็นการเทศน์แบบย่อให้คนฟังได้เข้าใจถึง เรื่องหลักสรรม มีความสนุกสนาน ส่วนมากการชัตเทศน์ในลักษณะนี้จะนิยมจัดกันที่หน่วยงาน ภาครัฐหรือที่วัดซึ่งมีเวลาจํากัดจึงขัดเทศน์มหาชาติแบบประยุกต์
References
ภาษาไทย
(๑) หนังสือ: ชุมพล พูลภัทรชีวิน และ L๕. การวิจัยและพัฒนากระบวนการสร้างความดีมีคุณธรรม. ศูนย์
ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรมสํานักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน), ๒๕๔๙..
เสฐียรพงษ์ วรรณปก. พุทธวิธีสอนจากพระไตรปิฎก. กรุงเทพมหานคร : เพชรรุ่งการพิมพ์ จำกัด, ๒๕๔๐.
แสง จันทร์งาม. พุทธศาสนากับสังคมไทย. กรุงเทพมหานคร - มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๑๑.
(๒) วิทยานิพนธ์/รายงานวิจัย:
ทัศนีย์ เป็นวิถีสุข. “การสื่อสารเชิงพุทธกับการเปลี่ยนแปลงสังคม” วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย - มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๕
นาวิน วงศ์รัตนมจนา. “ผลสัมฤทธิ์การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในกลุ่มชาติพันธุ์ของพระธรรมสาริก”. ปริญญาพุทธศาศวัตุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๔.
พระครูภาวนาโสภิต (บุญรัตน์ เมืองวงศ์). “การบริหารการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในล้านนาปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณชิต, สาขาวิชาการบริหารการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยปทุมธานี, ๒๕๕๓
พระครูวินัยธรมานพ ปาละพันธ์. “รูปแบบการสืบสานและการพัฒนาทํานองแหล่เทศน์มหาชาติภาคกลาง วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย - มหาวิทยาลัยมหาสารคาม,๒๕๕๒.
เื้อมอร ชลวร. พัฒนาการของรูปแบบวิธีการสอนของพระปราโมทย์ ปาโมชโช”. พุทธศาสตรศิษฎีบัณฑิต (พระพุทธศาสนา), บัณฑิตวิทยาลัย - มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลกรณราช วิทยาลัย, ๒๕๕๖.
E. ภาษาอังกฤษ
(1) Book
Donald K. Swearer. Journal of The National Research Council of Thailand. NewYork: McGraw-Hill, 1978.
L. V. Wiese. The Sociological Study of Social Change. Bangkok : Transactions of the Third World Congress of Sociology Amsterdam: International Sociology Association, 1956.
Leach Edmund Contemporyay Authors. New York: Gale Research, 1989.
M. Cone and R F. Gombrich. Trans The Perfect Generosity of Prince Vessantara :A Epic. Oxford: Clarendon, 1977.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2018 วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ภาพหรือตารางหรือเนื้อหาอื่นๆ ของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้งแสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์ หากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดเบื้องต้น ทางวารสารจะถอดบทความของท่านออกโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น