กลยุทธ์การปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑
คำสำคัญ:
กลยุทธ์, การปกครอง, คณะสงฆ์ภาค ๑บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ คือ ๑) ศึกษาสถานภาพทั่วไปในการปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑ ๒) เพื่อศึกษาแนวคิด ทฤษฎีการจัดการเชิงกลยุทธ์และการปกครองคณะสงฆ์ ๓) เพื่อศึกษา นําเสนอกลยุทธ์สําหรับการปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑ ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพเก็บข้อมูลจากผู้ให้ ข้อมูลหลักจํานวน ๑๘ รูป/คน เลือกแบบเจาะจงจากผู้ทรงคุณวุฒิด้วยแบบสัมภาษณ์เชิงลึกที่มี โครงสร้าง โดยการสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัวและเก็บข้อมูลจากการสนทนากลุ่มเฉพาะกับผู้มีส่วนร่วม จํานวน ๘ รูป/คน วิเคราะห์ข้อมูลจากทั้งสองวิธีด้วยการพรรณนา
ผลการวิจัย พบว่า
๑. การปกครองคณะสงฆ์ในยุคปัจจุบัน มีการพัฒนาการด้านเทคโนโลยี ซึ่งบูรณาการด้วย หลักพุทธธรรมนําการปกครองไปพร้อมกับความเจริญและมีกฎหมาย พระราชบัญญัติ ข้อบังคับ ระเบียบต่างๆ มาเกื้อกูลพระธรรมวินัย โดยเฉพาะการปกครองคณะสงฆ์มีรูปแบบที่แตกต่างไปจาก สมัยก่อนมาก คือ ด้านการปกครอง ด้านการศาสนศึกษา ด้านการเผยแผ่ ด้านการศึกษาสงเคราะห์ ด้านการสาธารณูปการ ด้านการสาธาณสงเคราะห์ มีรูปแบบที่ปฏิบัติชัดเจนมากยิ่งขึ้น ดังนั้น รูปแบบแนวคิดและวิธีการในการปกครองคณะสงฆ์ ชื่อว่ามีส่วนสําคัญในการบริหารจัดการให้องค์กร คณะสงฆ์มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ฉะนั้น ผู้ที่จะเป็นผู้นําในการปกครองคณะสงฆ์ในยุค ปัจจุบันนี้ต้องเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์ มีความรู้ ความสามารถ และเป็นผู้เพียบพร้อมด้วยจริยาวัตรข้อ ปฏิบัติ ซึ่งเป็นที่ยอมรับของคณะสงฆ์และประชาชนในชุมชนและสังคมไทย
๒) หลักเกณฑ์การปกครองคณะสงฆ์ มีการปกครองตามลําดับขั้นการปกครอง โดยเจ้า คณะชั้นปกครองจะตูแลปกครองผู้อยู่ในเขตปกครองนั้นๆ โดยปกครองตามลําดับชั้นไปตามลําดับ เมื่อเจ้าคณะชั้นปกครองดูแลปกครองพื้นที่ในเขตปกครองที่ตนรับผิดชอบด้วยดี เช่น เจ้าคณะภาค ดูแลปกครองในภาคที่ตนปกครองเจ้าอาวาสดูแลปกครองภายในวัดที่ต้องเป็นเจ้าอาวาส หรือพระ อุปัชฌาย์ดูแลสัทธิวิหาริกที่ตนให้การอุปสมบท การมีทัศนคติต่อกลยุทธ์การปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑ ในปัจจุบัน โดยมีระเบียบที่ว่าด้วยการปกครองคณะสงฆ์ ภาคที่เอื้อประโยชน์ต่อการจัดการ ปกครองเขตหนในพื้นที่ (ภาค) ต่างอย่างครอบคลุมและเหมาะสม มีการกระจายอํานาจไปยังเขตการ ปกครองในแต่ละเขตหน (ภาค) อย่างชัดเจน การปกครองควรเป็นไปตามจารีตอันดีงามที่ บูรพาจารย์เคยประพฤติปฏิบัติอันไม่ขัดแย้งต่อพระธรรมวินัยและกฎหมายบ้านเมือง ตั้งอยู่บน พื้นฐานของหลักพุทธธรรม เอื้อเฟื้อต่อพระธรรมวินัย จึงอาศัยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ และมติมหาเถระสมาคม เป็นแนวทางส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบ้าน วัด ราชการ และที่สําคัญคือสามารถนําหลักพุทธธรรมมาประยุกต์ใช้ในการบริหารการจัดการปกครองคณะสงฆ์ มีการปฏิบัติตามระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ ได้ยึดเอาพระธรรมวินัยเป็นหลัก มีพระราชบัญญัติ คณะสงฆ์เป็นกฎหมายส่งเสริมให้การปฏิบัติตามพระธรรมวินัยมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น การปฏิบัติ หน้าที่ของพระสังฆาธิการทุกระดับ จึงเป็นไปโดยถูกต้องตามหลักนิติธรรม ยึดเอาความถูกต้อง โดย อาศัยความรู้ความฉลาดและความสามารถเป็นเครื่องมือ
๓) ผลการนําเสนอกลยุทธ์สําหรับการปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑ โดยผู้ปกครองมีความรู้ ความสามารถสูง มีการศึกษาระดับอุดมศึกษา มีการสื่อสารและการคมนาคมเดินทางไปมาสะดวก สามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว การปกครองคณะสงฆ์ให้ยึดพระธรรมวินัยเป็นหลัก โดยเน้น บริหารจัดการเชิงพุทธ มุ่งการสร้างความสามัคคี โดยบริหารแบบพ่อปกครองลูก ใช้หลักสังคหวัตถุ ๔ และพรหมวิหาร ๔ การครองตน การครองคนและการครองงาน โดยจุดแข็งของการปกครอง คณะสงฆ์ภาค ๑ อยู่ในพื้นที่ชุมชนเมืองและใกล้สถาบันการศึกษาทั้งระดับการศึกษาพื้นฐาน มี การศึกษาคณะสงฆ์เป็นร้อยแห่ง การสอบผ่านของนักธรรมและเปรียญธรรม ซึ่งสอบได้ในอัตราสูง และมีพระสงฆ์ประจําพรรษาจํานวนมาก เป็นการจัดการภายใน ที่มีความเข้มแข็ง เพราะมีความรู้ ความสามารถในการปกครองสูง และมีภาพลักษณ์ที่ดี ซึ่งเป็นบทบาทเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป
References
๑. ภาษาไทย
(๑) หนังสือ
สํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ. การพัฒนาพระสังฆาธิการคณะสังฆ์ ภาค ๑. กรุงเทพมหานคร : สํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, ๒๕๔๕.
(๒) งานวิจัย/วิทยานิพนธ์
โชติ บดีรัฐ. “การบริหารงานของพระสังฆาธิการ ในเขตการปกครองคณะสงฆ์ภาค ๔ เพื่อความมั่นคงแห่งพระพุทธศาสนา”. วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์, ๒๕๕๔.
บุญศรี พานะจิตต์ และศรีนวล สภาเก็ตโร. “ความสําเร็จในการปฏิบัติภารกิจของวัด: ศึกษาเฉพาะกรณีวัดชลประทานรังสฤษฎ์ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี". รายงานการวิจัย. กรุงเทพมหานคร : สํานักงานการศึกษาแห่งชาติ, ๒๕๔๕.
พระมหาเรืองเดช ถาวรธมโม (ศรีประสม), “การบริหารจัดการกิจการคณะสงฆ์ให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ของชุมชนวัดไผ่ล้อม ตําบลจันทนิมิต อําเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี" รายงานการวิจัย, พระนครศรีอยุธยา : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๔.
(๓) วารสาร:
สมภาร พรมทา. “ศีลธรรมกับกฎหมาย มุมมองจากพุทธศาสนา, พุทธศาสน์ศึกษา. ปีที่ ๕ ฉบับที่ ๒-๓ (พฤษภาคม-ธันวาคม) ๒๕๔๑ : ๕๑-๕๒.
สมภาร พรมทา. “สิทธิในทัศนะของพุทธศาสนา พุทธศาสน์ศึกษา, ปีที่ 8 ฉบับที่ ๑ (มกราคมเมษายน ๒๕๓๗) : ๖๑.
(๔) เอกสารที่ไม่ได้ตีพิมพ์:
นภัทร์ แก้วนาค, "เอกสารประกอบการสอน เรื่อง เทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ Qualitative Data Analysis Technique. ถ่ายเอกสารเย็บเล่ม.
๒. ภาษาอังกฤษ
(1) Book
Hared D. Kasswell. The Structure and Function of Communication. The Communication of Ideas Limed Bryson en New York: Harperand Row Publishev, 1948.
Herbert A. Simon, Donald W. Smithburg and Victor A Thompson Public Administration 14"ed. New York: Alfred A. Knope, Inc, 1971.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2018 วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ภาพหรือตารางหรือเนื้อหาอื่นๆ ของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้งแสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์ หากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดเบื้องต้น ทางวารสารจะถอดบทความของท่านออกโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น