แรงจูงใจในการศึกษาต่อระดับมหาบัณฑิตของนักศึกษาสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์

ผู้แต่ง

  • เอกลักษณ์ นาคพ่วง มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์

คำสำคัญ:

แรงจูงใจ, การศึกษาต่อระดับมหาบัณฑิต

บทคัดย่อ

การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาเพื่อศึกษาระดับแรงจูงใจในการศึกษาต่อระดับมหาบัณฑิตของนักศึกษาสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาลัยราชภัฎนครสวรรค์ 2) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบแรงจูงใจในการศึกษาต่อระดับมหาลัยบัณฑิตของนักศึกษาสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาลัยราชภัฎนครสวรรค์ โดยจำแนกตามปัจจัยพื้นฐานส่วนบุคคล การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงสำรวจ (Survey Research) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้คือ นักศึกษาที่กำลังศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 4 สาขาวิชารัฐศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครสวรรค์ จำนวน 169 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ แบบสอบถาม (Questionnaire) และใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูปทางสถิติวิเคราะห์ข้อมูล โดยสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือค่าร้อยละ (Percentage)ค่าเฉลี่ย (Mean)และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)ค่าสถิติ t-test และค่าสถิติ F-test หรือความแปรปรวนชนิดทางเดียว (One- Way ANOVA)และทดสอบค่าเฉลี่ยความแตกต่างรายคู่ โดยวิธีของ LSD

ผลการวิจัยพบว่า นักศึกษาปริญญาตรีชั้นปีที่ 4 มีแรงจูงใจในการศึกษาต่อระดับมหาบัณฑิต ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณารายด้านพบว่า แรงจูงใจอยู่ในระดับมากทั้งหมด โดยเรียงลำดับด้านที่มีค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยคือ ประเด็นด้านการพัฒนาตนเอง รองลงมาคือด้านการประกอบอาชีพ รองลงมาคือด้านสังคม รองลงมาคือด้านสถาบันและด้านความต้องการของผู้อื่น ตามลำดับ นักศึกษาปริญญาตรีชั้นปีที่ 4 สาขาวิชารัฐศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาลัยราชภัฎนครสวรรค์ ที่มีปัจจัยพื้นฐานส่วนบุคคลซึ่งประกอบด้วย เพศ อายุ

สาขาวิชา มีแรงจูงใจในการศึกษาต่อระดับมหาบัณฑิต แตกต่างกันอย่างนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และนักศึกษาสาขาวิชารัฐศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาลัยราชภัฎนครสวรรค์ พบว่ารายได้ครอบครัวที่แตกต่างกัน มีแรงจูงใจในการศึกษาต่อระดับมหาบัณฑิต ที่ไม่แตกต่างกัน

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2019-09-30

รูปแบบการอ้างอิง

นาคพ่วง เ. (2019). แรงจูงใจในการศึกษาต่อระดับมหาบัณฑิตของนักศึกษาสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์. วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์, 8(3), 244–254. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jssr/article/view/209609