การพัฒนาศาสนทายาทเพื่อรักษาพระพุทธศาสนาโดยพุทธสันติวิธี: ศึกษากรณีวัดธรรมมงคลเถาบุญนนทวิหาร กรุงเทพมหานคร
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาวิเคราะห์บริบท สภาพปัญหา ความจำเป็นและแนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาศาสนทายาทเพื่อรักษาพระพุทธศาสนาตามศาสตร์สมัยใหม่ 2) เพื่อศึกษาวิเคราะห์หลักพุทธสันติวิธีที่เอื้อต่อกระบวนการพัฒนาศาสนทายาทเพื่อรักษาพระพุทธศาสนา และ 3) เพื่อพัฒนาและนำเสนอกระบวนการพัฒนาศาสนทายาทเพื่อรักษาพระพุทธศาสนาโดยพุทธสันติวิธี ของวัดธรรมมงคลเถาบุญนนทวิหาร กรุงเทพมหานคร เป็นการวิจัยและพัฒนาเครื่องมือวิจัยตามกระบวนการวิจัยตามบันได 9 ขั้น กลุ่มตัวอย่างเป็นสามเณรโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดธรรมมงคล จำนวน 21 รูป ได้มาโดยการกำหนดขนาดโดยใช้สูตรของ Taro Yamane เครื่องมือที่ใช้เก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถาม, แบบสัมภาษณ์, แบบสังเกต และแบบทดสอบ ทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า 1. ศาสนทายาทมีปริมาณน้อยลง ขาดความเชื่อมั่นและไม่กล้าแสดงออก ขาดภาวะความเป็นผู้นำ ไม่สามารถกำหนดเป้าหมายในชีวิตได้ ขาดความกระตือรือร้น มีสิ่งเร้าจากภายนอกมาก เกินความจำเป็น ขาดความรับผิดชอบต่อหน้าที่ รายวิชาเรียน ส่งผลให้สามเณรไม่มีเวลาในการฝึกหัดพัฒนาตนในด้านอื่นๆ โดยมีสภาพปัญหาเชิงโครงสร้าง 2. หลักพุทธสันติวิธีที่เอื้อต่อการพัฒนาศาสนทายาทเพื่อรักษาพระพุทธศาสนา คือ หลักพละ 5 ประกอบด้วย ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ใช้หลักธรรมภาวนา 4 เป็นผลลัพธ์ ประกอบด้วย กายภาวนา ศีลภาวนา จิตภาวนา และปัญญาภาวนา โดยมีหลักไตรสิกขาเป็นเครื่องบ่งชี้ 3. กระบวนการพัฒนาศาสนทายาทเพื่อรักษาพระพุทธศาสนาโดยพุทธสันติวิธี พบว่า ICP Process ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน คือ 1) Inspiration (การสร้างแรงบันดาลใจ) 2) Collaboration (การปฏิบัติร่วมกัน) 3) Production (การสร้างสรรค์นำเสนอ) โดยมีการพัฒนา 6 ด้าน ประกอบ ด้านทักษะชีวิต ด้านแรงจูงใจและเป้าหมายในชีวิต ด้านสันติภายใน ด้านพุทธสันติวิธี ด้านการสื่อสารและการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ด้านการเป็นศาสนทายาทต้นแบบ
Article Details
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสาร ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้น และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ ยินยอมว่าบทความเป็นลิขสิทธิ์ของวารสาร
References
Goodship, J. M. (2022). Life Skills Mastery for Students with Special Needs. Retrieved October 11, 2022, from http://www.lib.umi.com/dissertations/fullcit/3001230
Hendricks, P. A. (1998). Developing Youth Curriculum Using the Targeting Life Skills Model: Incorporating Developmentally Appropriate Learning Opportunities to Assess Impact of Life Skill Development. Ames, IA: Iowa State University.
Lapthananon, P. (1986). On Role of Buddhist Religious in Development of Rural Areas in Thailand. Bangkok: Social Research Institute, Chulalongkorn University.
Mahachulalongkornrajavidyalaya University. (1996). Thai Tripitakas. Bangkok: MCU Press.
Maxwell, R. (1981). Life After School: A Social Skills Curriculum. New York: Pregamon International Library.
National Statistical Office of Thailand. (2022). Statistics of Religious Personnel and Places of Worship in Thailand. Retrieved September 29, 2000, from http://ittdashboard.nso. go.th/preview.php?id_project=56
Phra Dhammapidok (P.A. Payutto). (1996). How to Develop People (Buddhism and Human Development). (3rd ed.). Bangkok: Buddha Dham Foundation.
Phra Suthat Katasaro (Pratoomgaew). (2013). A Study of the Dhutanga in Buddhiam: A Case Study of the Dhutanga at Wat Phradhammakaya, Pathumthani Province. (Doctoral Dissertation). Mahachulalongkornrajavidyalaya University. Ayutthaya.
Phrakhrusutachayaporn (Phramaha Singchai Dhammajayo), & Pramaha Keerati Worakiti. (2014). The Way for Education Management for Buddhism Successor in Thai Society. Nakhon Lampang Buddhist Colleges Journal, 4(3), 3.
Schiffman, L. G., & Kanuk, L. L. (1994). Consumer Behavior. (5th ed.). Englewood Cliffs, NJ: Prentice-Hall.
Vitayaudom, W. (2013). Organization Behavior. Bangkok: Theera Film & Scitex.
Woolfolk, A. E. (1995). Educational Psychology. Boston: Allyn and Bacon.