ผลของกิจกรรมจิตวิทยาเชิงบวกที่มีต่อกรอบความคิดเติบโต ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
คำสำคัญ:
กิจกรรมจิตวิทยาเชิงบวก, กรอบความคิดเติบโต, การพัฒนาศักยภาพมนุษย์บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีความสำคัญในการพัฒนา กรอบความคิดเติบโต ซึ่งเป็นปัจจัยที่สามารถช่วยเพิ่มศักยภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนและเสริมสร้างการปรับตัวในสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยใช้กิจกรรมจิตวิทยาเชิงบวก เพื่อส่งเสริมทัศนคติและพฤติกรรมเชิงบวกที่ต่อการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้จิตวิทยาเชิงบวกที่มีต่อกรอบความคิดเติบโต 2) เพื่อเปรียบเทียบกรอบความคิดเติบโตของนักเรียนกลุ่มทดลอง ก่อนและหลังการทดลอง3) เพื่อเปรียบเทียบกรอบความคิดเติบโตของนักเรียนหลังการทดลอง ระหว่างกลุ่มทดลองกับกลุ่มควบคุมเป็นการวิจัยเชิงปริมาณ ประชากรคือ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568โรงเรียนพิมายวิทยา อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 16 ห้องเรียน รวมทั้งสิ้น 630 คน ดำเนินการเก็บข้อมูลกับกลุ่มตัวอย่าง นักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 โรงเรียนพิมายวิทยา จำนวน 2 ห้องเรียน กลุ่มตัวอย่างได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster random sampling) โดยกลุ่มทดลอง คือ ห้อง 1/13 จำนวน 40 คน และกลุ่มควบคุมคือ ห้อง 1/7 จำนวน 40 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แผนการจัดกิจกรรมจิตวิทยาเชิงบวก โดยจัดกิจกรรมทั้งหมด 10 ครั้ง และแบบประเมินกรอบความคิดเติบโตวิเคราะห์ข้อมูลโดยการทดสอบค่าที มีค่าความเชื่อมั่นแบบสอบถามทั้งฉบับ = 0.74
ผลการวิจัยพบว่า 1) การออกแบบกิจกรรมจิตวิทยาเชิงบวกที่มีต่อกรอบความคิดเติบโต ผู้วิจัยได้ออกแบบโดยมีแผนการจัดกิจกรรมจิตวิทยาเชิงบวก สื่อการเรียนรู้ และการวัดประเมินผลการเรียนรู้ ซึ่งการจัดกิจกรรมกิจกรรมตามแผนการเรียนรู้ พบว่า นักเรียนเกิดความเชื่อว่าความสามารถนั้นพัฒนาได้จากความพยายาม ผู้เรียนมีทัศนคิตเชิงบวกต่อการเรียน การใช้ชีวิต พร้อมเป็นที่ที่เรียนรู้ปรับตัวและพัฒนาศักยภาพตนเองตลอดชีวิต 2) หลังการทดลอง นักเรียนกลุ่มทดลองมีกรอบความคิดเติบโตสูงกว่าก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ 3) หลังการทดลอง นักเรียนกลุ่มทดลองมีกรอบความคิดเติบโตสูงกว่ากลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสําคัญที่สถิติระดับ .01
Downloads
เอกสารอ้างอิง
กันยกร เนาว์ขุนทด และประยุทธ ไทยธานี. (2566). “ผลของโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้ความสามารถแห่งตนที่มีต่อกรอบความคิดเติบโตของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5.” วารสารวนัมฎองแหรกพุทธศาสตรปริทรรศน์. 10(2) : 99-112.
จารุวรรณ แสงด้วง. (2556). ผลของการใช้ชุดกิจกรรมแนะแนวเพื่อพัฒนาจิตวิทยาเชิงบวกของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนผดุงปัญญา จังหวัดตาก. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยา มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
ชัชวาล ศิลปกิจ, รสสุคนธ์ ชมชื่น และอรวรรณ ศิลปกิจ. (2558). “ความตรงของแบบวัดชุดความคิด.” วารสารสุขภาพจิตแห่งประเทศไทย. 23(3) : 166-174.
นันท์ชัตสัณห์ สกุลพงศ์, ขวัญใจ ฤทธิ์คำรพ และไพลิน ลิ้มวัฒนชัย. (2562). “ผลของกิจกรรมกลุ่มด้านจิตวิทยาเชิงบวกต่อความสุขและการปรับตัวทางสังคมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาในโรงเรียนประจำ: การวิจัยแบบผสานวิธี.” วารสารพฤติกรรมศาสตร์เพื่อการพัฒนา. 11(1) : 35-52.
บุญชม ศรีสะอาด. (2560). การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 10. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2563). “ข้อค้นพบจาก PISA 2018 เกี่ยวกับกรอบความคิดแบบเติบโต (Growth Mindset) FOCUS ประเด็นจาก PISA.” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จากhttps://pisathailand.ipst.ac.th/issue-2020-49 สืบค้น 31 พฤษภาคม 2568.
____. (2565). การมีกรอบความคิดแบบเติบโตของนักเรียนไทย: ผลจากการประเมิน PISA 2018. กรุงเทพฯ : กระทรวงศึกษาธิการ.
สุกานดา จงเสริมตระกูล. (2562). รูปแบบเครือข่ายการเรียนรู้ส่วนบุคคลที่ใช้ในการชี้แนะปัญญาเพื่อส่งเสริมกรอบความคิดแบบเติบโตในการพัฒนาความสามารถด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สุดารัตน์ ตันติวิวัฒน์. (2560). “จิตวิทยาเชิงบวก : การพัฒนา การประยุกต์ และความท้าทาย.” วารสารพฤติกรรมศาสตร์เพื่อการพัฒนา. 9(1) : 277–289.
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2561). ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2561-2580. กรุงเทพฯ : สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579. กรุงเทพฯ : พริกหวานกราฟฟิค จำกัด.
อุษณี กีรติวิโรจน์กุล. (2565). ผลของการใช้ชุดกิจกรรมจิตวิทยาเชิงบวกต่อการเสริมสร้างความคิดเชิงบวกแก่นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น. วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาจิตวิทยา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
Bandura, A. (1997). Self – efficacy : The exercise of control. New York : W.H. Freeman. and company
Dweck, C. S. (2006). Mindset: The New Psychology of Success. New York : Random House Publishing Group.
____. (2012). Mindset : How You Can Fulfil Your Potential. London : Constable & Robinson.
____. (2016). Mindset : The new psychology of success. New York : Ballantine Books.
Kolb, D. A. (2005). Experiential learning: Experience as the source of learning and development. Prentice-Hall., Inc, Englewood Cliffs, N.J.
Mathew, W. & Margaret, L. K. (2018). “Positive education : Learning and teaching for wellbeing and academic mastery.” International Journal of Wellbeing. 8(1) : 1-17.
Seligman, M. E. P. (2011). Flourish: A visionary new understanding of happiness and well-being. Free Press.
Seligman, M. E. P., & Csikszentmihalyi, M. (2000). “Positive psychology: An introduction.” American Psychologist. 55(1) : 5–14.





