เปิดเส้นทางนวัตกรรมการท่องเที่ยวเชิงพื้นที่ทวารวดีย้อนรอยพุทธศาสตร์ วัฒนธรรมและศิลปะ

Main Article Content

โยตะ ชัยวรมันกุล
สุพัฒน์ ชัยวรรณ์
พระครูโสภณวีรานุวัตร
สายน้ำผึ้ง รัตนงาม
ธนัชพร เกตุคง

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ด้านศาสนาพุทธ วัฒนธรรม
และศิลปะยุคอารยธรรมทวารวดีนครปฐม 2) เพื่อยกระดับการอนุรักษ์ยุคอารยธรรมทวารวดีนครปฐม ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทัศนะศึกษาเชิงประวัติศาสตร์ ในจังหวัดนครปฐม และ 3) เพื่อนำเสนอและปรับใช้รูปแบบการพัฒนายุคอารยธรรมทวารวดีนครปฐมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทัศนะศึกษาเชิงประวัติศาสตร์ ในจังหวัดนครปฐม คณะผู้วิจัยได้กำหนดใช้วิธีวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed Methodology Research) ประกอบด้วย วิจัยเชิงเอกสาร (Documentary Research) การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) รวบรวมข้อมูลการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) จำนวน 15 คน ร่วมกับการประชุมกลุ่มเฉพาะ (Focus Group) จำนวน 9 คน และการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) กับผู้เข้าร่วมกิจกรรม 15 คน


ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการศึกษาประวัติศาสตร์ด้านศาสนาพุทธ วัฒนธรรม และศิลปะยุคอารยธรรมทวารวดีนครปฐม พบว่า สมัยศิลปะของทวารวดีในสมัยที่มีความเจริญจากการสร้างศิลปะ ปราสาท วัด รูปปั้น พระพุทธรูป และการสร้างสรรค์งานต่าง ๆ สะท้อนให้เห็นถึงเศรษฐกิจดูจากโบราณสถาน เหตุการณ์สำคัญจากวัตถุในสมัยนั้น 2) การยกระดับการอนุรักษ์ยุคอารยธรรมทวารวดีนครปฐม ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทัศนะศึกษาเชิงประวัติศาสตร์ พบว่า ประวัติศาสตร์ที่มีต่อการอนุรักษ์ยุคอารยธรรม เน้นการเล่าเรื่องความสำคัญเชื่อมโยงกับการส่งเสริมวัฒนธรรมทางทวารวดี และ การใช้กลยุทธ์ในการสร้างประวัติศาสตร์ ในการสร้างแผนที่ที่ชัดเจน 3) การนำเสนอและปรับใช้รูปแบบการพัฒนายุคอารยธรรมทวารวดีนครปฐมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทัศนะศึกษาเชิงประวัติศาสตร์ ในจังหวัดนครปฐม พบว่า ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้ง 15 คน จากการสังเกตการณ์กิจกรรมทั้งก่อนและหลังไม่แตกต่างกันมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ชัยวรมันกุล โ. ., ชัยวรรณ์ ส. ., พระครูโสภณวีรานุวัตร, รัตนงาม ส., & เกตุคง ธ. . (2025). เปิดเส้นทางนวัตกรรมการท่องเที่ยวเชิงพื้นที่ทวารวดีย้อนรอยพุทธศาสตร์ วัฒนธรรมและศิลปะ. วารสารนวัตกรรมการศึกษาและการวิจัย, 9(4), 2459–2473. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jeir/article/view/287104
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

Department of Fine Arts, Ministry of Culture. (2015). From the land of Thailand in the past (2nd ed.). Amarin Printing and Publishing.

Chimsoi, K. (2023). Dvaravati culture: The origin of Sri Thep ancient city, Thailand’s latest World Heritage site. Silpa Magazine. https://www.silpa-mag.com/culture/article_36408

Chachakul, N. (2008). Tourism industry. Chulalongkorn University Press.

Aphirating, P. (2018). Iconography of the reclining Buddha in Isan Dvaravati art. Journal of Fine Arts, Khon Kaen University, 10(2), 374–375.

Thambut, P. (2005). Principles of ecotourism. Srinakharinwirot University.

Weldes, P. (2022). Dvaravati Kingdom. http://thawarawadeekingdom.blogspot.com/2013/

Phra Khru Sobhon Wiranuwat, et al. (2019). Historical ecology and Dvaravati civilization. Veridian E-Journal, Silpakorn University, 12(4), 606–623.

Phra Maha Suthit Aphakaro, et al. (2013). Development of a Buddhist tourism management model and process in Thailand [Research report]. Buddhist Research Institute, Mahachulalongkornrajavidyalaya University.

Lekprapai Viriyaphan Foundation. (2023). Dvaravati–Srivijaya: A review of meaning. https://lek-prapai.org/home/view.php?id=889

Nomnamthap, W. (2016). Strategic plan for sustainable Buddhist tourism development in Nakhon Pathom Province [Doctoral dissertation, University of Phayao].

Chindasawat, W. (2021). Development of innovation in student care systems based on Buddhist principles of primary schools in Chiang Mai Province [Doctoral dissertation, Mahachulalongkornrajavidyalaya University].

Gee, Y., James, C., Deriter, J., & Choy, L. (2007). Travel industry (2nd ed.). John Wiley & Sons.