พลังสตรีชาวพุทธ: รูปแบบผู้นำสตรีสู่การขับเคลื่อนองค์กรเชิงพุทธ
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสำรวจและรวบรวมข้อมูลการบริหารงานของผู้นำสตรีชาวพุทธ 2) เพื่อวิเคราะห์การบริหารงานสู่การขับเคลื่อนองค์กรเชิงพุทธของผู้นำสตรีชาวพุทธ 3) เพื่อสร้างรูปแบบผู้นำสตรีสู่การขับเคลื่อนองค์เชิงพุทธ รูปแบบการวิจัยเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ การวิจัยในครั้งนี้ผู้วิจัยใช้วิธีการเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากข้อมูลปฐมภูมิและทุติยภูมิโดยการสัมภาษณ์เชิงลึก การสนทนากลุ่ม แล้วใช้การสร้างข้อสรุปแบบวิธีอุปนัย
ผลการวิจัยพบว่า 1. ผู้นำสตรีชาวพุทธมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรเชิงพุทธและส่งเสริมการพัฒนากิจกรรมทางศาสนา โดยการบริหารงานของผู้นำสตรีชาวพุทธมีลักษณะเด่นในด้าน การนำหลักธรรมพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้ในการบริหารงาน การบริหารแบบมีส่วนร่วม การสนับสนุนการเรียนรู้และปฏิบัติธรรม การจัดการทรัพยากรบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพ และการสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนท้องถิ่น 2. การบริหารงานของผู้นำสตรีชาวพุทธมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรเชิงพุทธไปในทิศทางที่ส่งเสริมการพัฒนาทั้งในเชิงบุคคลและชุมชน ความสำเร็จในการบริหารงานนั้นเกิดจากการประยุกต์ใช้หลักธรรมในการตัดสินใจ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคลากรและชุมชน รวมถึงการสนับสนุนบทบาทของสตรีในศาสนาพุทธ ส่งผลให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองทั้งในด้านศาสนาและสังคม 3. รูปแบบการเป็นผู้นำสตรีชาวพุทธที่มีประสิทธิภาพคือการผสมผสานหลักธรรมพุทธศาสนาเข้ากับความสามารถในการปรับตัวและการสร้างสรรค์ในเชิงบริหารงาน โดยมีความยืดหยุ่นในการนำพาองค์กรให้เจริญก้าวหน้าในยุคปัจจุบัน ทั้งนี้ การส่งเสริมการมีส่วนร่วม การพัฒนาบุคลากร และการสร้างเครือข่ายกับชุมชนและองค์กรพุทธอื่น ๆ ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้องค์กรพุทธสามารถขับเคลื่อนได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
Apiwut, P. (2024). Developing leaders to excellence. Slingshot. https://www.slingshot.co.th/th/blog/great-leaders
Bachofen, J. J. (1967). Myth, religion, and mother right: Selected writings of J. J. Bachofen (R. Manheim, Trans.). Princeton University Press.
Chayanee, W. (2007). The status of Thai Buddhist women in contemporary Thai society [Master’s thesis, Mahidol University].
Kamolchanok, S. (2016). The role of successful female leaders in Dan Khun Thot District, Nakhon Ratchasima Province [Master’s thesis, Rangsit University].
Larwood, L., & Kaplan, M. (1980). Job tactics of women in banking. Group & Organization Studies, 5(1), 70-78.
Morgan, L. H. (1877). Ancient society. Henry Holt and Company.
Patcharanee, F. (2011). Trends in the desired leadership characteristics of administrators in private girls' schools. Journal of Education, Prince of Songkla University, Pattani Campus, 22(2), 226.
Poramet, M. (2009). An analysis of the causal structural relationship model of factors affecting the leadership of successful school administrators [Doctoral dissertation, Chulalongkorn University].
Prakhong, R. (2008). Leadership characteristics of administrators in quality educational institutions [Doctoral dissertation, Silpakorn University].
Ratree, T. (2023). Leadership model of female administrators in primary schools. Journal of the Yan Sangwon Research Institute, 12(1), 84.
Wannadee, K. (2009). A study of the components of female educational leaders’ characteristics in Southern Thailand. Journal of Education, 20(2), 45.
Weerawat, P. (2011). Developing a learning organization (3rd ed.). Expert Net Co., Ltd.
Wirote, S. (2014). Leadership: Theory and contemporary perspectives. Thippayasut Publishing.
Wood, M. M. (1976). Women in Management: How is it working out?. Advanced Management Journal, 4, 22-30.
Zenger, J., & Folkman, J. (2019, June 25). Research: Women score higher than men in most leadership skills. Harvard Business Review. https://hbr.org/2019/06/research-women-score-higher-than-men
