การบริหารกิจการนักเรียนโรงเรียนปทุมราชวงศา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 29

Main Article Content

ทองแดง แสวงบุญ
สุรางคนา มัณยานนท์

บทคัดย่อ

          การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับการบริหารกิจการนักเรียนโรงเรียนปทุมราชวงศา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 29 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ ครูโรงเรียนปทุมราชวงศา ปีการศึกษา 2563 จำนวน 80 คน ด้วยวิธีการสุ่มอย่างง่ายได้ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม จำนวน 60 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อตั้งแต่ .22 ถึง .72 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .90 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัย พบว่า การบริหารงานกิจการนักเรียนโรงเรียนปทุมราชวงศา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 29 โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากสูงไปหาต่ำ ดังนี้ (1) ด้านการวางแผนงานกิจการนักเรียน (2) ด้านการประเมินผลงานกิจการนักเรียน (3) ด้านการบริหารงานกิจการนักเรียน (4) ด้านการป้องกันและแก้ไขพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนักเรียน (5) ด้านการส่งเสริมพัฒนาให้นักเรียนมีวินัย คุณธรรม จริยธรรม และ (6) ด้านการดำเนินการส่งเสริมประชาธิปไตยในโรงเรียน ตามลำดับ

Article Details

บท
บทความวิจัย

References

กาญจนา ศรีกาฬสินธุ์.(2553). การบริหารกิจการนักเรียน เล่ม 9. กรุงเทพฯ: ภาควิชาการ.

โรงเรียนปทุมราชวงศา.(2563). แผนปฏิบัติการของโรงเรียนปทุมราชวงศา ประจำปีการศึกษา 2562.อุบลราชธานี: โรงเรียนปทุมราชวงศา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 29.

ศศิณัฏฐา อังกูรภาสวิชญ์. (2554). สภาพการบริหารกิจการนักเรียน โดยยึดหลักคุณธรรมพื้นฐาน 8 ประการโรงเรียนสังกัดสานักงานเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร(วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยนเรศวร.

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน.(2552). แนวทางการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.

สุทธิชัย อัมโรสถ.(2551). การส่งเสริมงานกิจการนักเรียนของโรงเรียนในอำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่.เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

Krejcie, R.V.,& Morgan, D.W. (1970). Determining sample size for research activities. Education and Psychological Measurement, 30(3), 607-610.