Empathy, Deep Listening, and Marriage Stability according to Buddhist Psychology

Authors

  • Kanyakorn Khamphan Ph.D. Program in Buddhist Psychology, Faculty of Humanities, Mahachulalongkornrajavidyalaya University
  • Maytawee Udomtamanupab Department of Psychology, Faculty of Humanities. Mahachulalongkornrajavidyalaya University
  • Phutthachat Phaensomboon Department of Psychology, Faculty of Humanities. Mahachulalongkornrajavidyalaya University

Keywords:

Empathy, Deep Listening, Marital Stability, Buddhist Psychology

Abstract

Marriage stability is the ability to arrange marriage life to live happily and have a good interaction with each other. Conflicts cause stress. Negatively communication and inconsistency of thought making couple use emotion to communicate and eventually violent and aggressive behavior. Enhancing marriage stability with Buddhist psychological principles requires the application of Samajividhamma 4, Kalyanamitta-dhamma 7, and the Brahmavihara with the ability to understand the feeling of others and deeply listen to help each other perceive emotions, ideas acceptance, and understand the other person's feelings without relying on their own thoughts and participation in the same idea based on reality. Enhancing marriage stability by using the Buddhist psychology principle will enable married couples to develop compassion, reconciliation, compromise, and effectively solve conflicts together. Strengthen the quality of marriage life and eventually bring in marriage stability.

References

กรรณิการ์ พันทอง. (2550). การศึกษาและพัฒนาความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นของนักเรียนวัยรุ่น (ปริญญานิพนธ์มหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ : กรุงเทพฯ.

งามตา วนินทานนท์. (2544). การวิเคราะห์ปัจจัยเชิงสาเหตุของคุณภาพชีวิตสมรสในครอบครัวไทย. วารสารพฤติกรรมศาสตร์, 7(1), 79-110.

ธานินทร์ แสนทวีสุข. (2564). การรับฟังอย่างลึกซึ้ง : ตัวช่วยยามที่ต้องจัดการชีวิต. วารสารวิชาการสถาบันพัฒนาศักยภาพกำลังคน เขตพัฒนาพิเศษตะวันออก, 1(2), 45-59.

ธิรดา สุวัณณะศรี, ครรชิต แสนอุบล, อุทัยวรรณ สารพัฒนะ, และเพ็ญนภา กุลนภาดล. (2560). การวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุความสุขในชีวิตสมรส ในเขตกรุงเทพมหานคร. Veridian E-Journal, Silpakorn University ฉบับภาษาไทย สาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ, 10(2), 2662-2676.

ธีรพัฒน์ วงศ์คุ้มสิน. (2564). การพัฒนาความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นของนิสิตหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยโปรแกรมการให้คำปรึกษาแบบกลุ่ม. วารสารสังคมศาสตร์และมนุษศาสตร์, 47(1), 75-98.

ธีระธรรม ทองโมถ่าย. (2562). รูปแบบการเยียวยาเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจตามแนวพุทธจิตวิทยาของสตรีที่ผิดหวังในความรัก (ปริญญาดุษฎีบัณฑิต). มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย : พระนครศรีอยุธยา.

ปวีณภัศร์ มิ่งขวัญธนรัชต์. (2561). ผลการปรึกษาคู่สมรสทฤษฎีกลยุทธ์ต่อความมั่นคงในชีวิตสมรส (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยบูรพา : ชลบุรี.

พระครูปริยัติธรรมวงศ์ (สุพล แสนพงษ์). (2557). เอกสารประกอบการสอนรายวิชา จิตวิทยาพระไตรปิฏก (Psychology in Tipitaka). ขอนแก่น : คลังนานาวิทยา.

พระธรรมปิฎก (ป. อ. ปยุตฺโต). (2536). ความรัก จากวาเลนไทน์ สู่ความเป็นไทย. กรุงเทพฯ: พิมพ์สวย.

พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต). (2555). คู่สร้างคู่สม ชีวิตคู่ในอุดมคติ (พิมพ์ครั้งที่ 28). กรุงเทพฯ: พิมพ์เผยแพร่โดยนายธวัชชัยและนางสาววันทนา.

พระมหาโสภณ วิจิตฺตธมฺโม และพนัทเทพ ณ นคร. (2560). พุทธจิตวิทยากับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมนุษย์ตามหลักสติปัฏฐาน 4. วารสารพุทธจิตวิทยา, 2(2), 59-72.

พสุ เดชะรินทร์. (2560). พฤติกรรมของคนกับสื่อสังคมออนไลน์. สืบค้น 2 กรกฎาคม 2564, จาก https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/641565

ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์, นพ. (2552). จิตวิทยาแนวพุทธ. สืบค้น 8 กันยายน 2564, จาก http:// medinfo2.psu.ac.th/cancer/db/news_ca.php?newsID=132&typeID=22&form=9

รพีพงค์ ยังวราสวัสดิ์. (2559). รูปแบบการให้คำปรึกษาครอบครัวแบบบูรณาการเพื่อเสริมสร้างความสำเร็จในชีวิตสมรสของคู่สมรส. วารสารวิจัยทางการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 10(1), 130-145.

ราชบัณฑิตยสถาน. (2542). พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542. กรุงเทพฯ: นานมีบุคส์พับลิเคชันส์.

วนิดา ผาระนัด. (2558). ทฤษฎีตัวยู (Theory U). วารสารวิจัยเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, 2(4), 29-35.

วลัยรัตน์ วรรณโพธิ์. (2545). ผลการใช้กิจกรรมฝึกความรู้สึกไวที่มีต่อการร่วมรู้สึกของเด็กวัยเริ่มรุ่น. (ปริญญานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. กรุงเทพฯ.

วิธาน ฐานะวุฑฒ์. (2009). ทฤษฎีที่จะทำให้ชีวิตชัดเจน. สืบค้น 14 กันยายน 2564, จาก https://www.bloggang.com/m/viewdiary.php?id=officer-pam&month=2-2010&date=27&group=13&gblog=1

ศุภวดี บุญญวงศ์. (2548). ผลกระทบจากการหย่า : บาดแผลที่ต้องเยียวยา. วารสารศึกษาศาสตร์, 5(1), 79-91.

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต). (2561). พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม (พิมพ์ครั้งที่ 41). กรุงเทพฯ: ผลิธัมม์.

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต). (2561). พุทธธรรม ฉบับเดิม (พิมพ์ครั้งที่ 36). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์พระพุทธศาสนาของธรรมสภา.

สุมัทนา สินสวัสดิ์ และพนมพร พุ่มจันทร์. (2557). ครอบครัว: การจัดการความขัดแย้งของคู่สมรสเพื่อการครองรักอย่างยั่งยืน. วารสารสังคมศ่าสตร์และมนุษยศาสตร์, 40(2), 184-195.

สุวภา บุญอุไร และคณะ. (2561). การพัฒนามาตรวัดความเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นของเด็กปฐมวัยในจังหวัดชลบุรี. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี, 29(3), 55-65.

สำนักงานราชบัณฑิตยสภา. (2551). การสมรส (29 กันยายน 2551). สืบค้น 19 เมษายน 2564, จาก http://legacy.orst.go.th/?knowledges91

เทวิกา ประดิษฐบาทุกา. (2557). เรื่องราวของความรัก. สืบค้น 2 เมษายน 2564, จาก https://www.gotoknow.org/posts/561277

โสฬส ศิริไสย์. (2548). วิธีการสนทนาแบบมนุษย์สัมผัสมนุษย์และการเปลี่ยนวิธีคิดด้วยการฟังอย่างลึกซึ้ง. นครปฐม: สำนักงานทรานส์ทีม เครือข่ายการวิจัยบูรณาการลุ่มน้ำท่าจีน-แม่กลอง คณะสิ่งแวดล้อมและ ทรัพยาการศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.

อุมาพร ตรังคสมบัติ. (2545). จิตวิทยาชีวิตคู่และการบำบัดคู่สมรส. กรุงเทพฯ: ศูนย์วิจัยและพัฒนาครอบครัว.

Arellano, C.M., & Markman, H.J. (1995). The managing affect and difference scale (MADS) : A self-report measure assessing conflict management in couples. Journal of Family Psychology, 9(3), 319-334.

Egan, Gerard. (1986). The Skilled Help : A Systematic Approach to Effective Helping. 3rd. ed. United States of America: Brooks/Cole Publishing.

Eisenberg, N. (2000). Empathy and Sympathy. In M. Lewis & J. M. Haviland-Jones (Eds). Handbook of emotions. 2ed. New York: Guilford Press.

Hoffman, M.L. (2000). Empathy and Moral Development: Implications for Caring and Justice. New York: Cambridge University Press.

Lawis, R. A., & Spanier, G. B. (1979). Theorizing about the quality and stability of marriage. Contemporary Theories About the Family Research-Based Theories, 5(l1), 268-289.

Ludeman, Ruth S. (1968). Empathy: A Component of Therapeutic Nursing, Nursing Form, 1, 275-287.

Peter Lauster. (1978). The personality test. London: Pan Books.

Roger, C.R. (1951). Client-Centered Therapy: Its Current Practice, Implications, and Theory. Mifflin, Houghton: MI.

Satir, V., Banmen, J., Gerber, J., & Gomori, M. (1991). The Satir model: Family therapy and beyond. Palo Alto. CA: Science and Behavior Books.

Saul McLeod, Dr. (2022). Maslow's Hierarchy of Needs. Retrieved April 19, 2022, from https://www.simplypsychology.org/maslow.html

Sternberg Robert J., (2004). A Triangular Theory of Love. In Reis, H. T., Rusbult, C.E. (eds). Close Relationships. New York: Psychology Press.

Downloads

Published

2022-12-29

How to Cite

Khamphan, K., Udomtamanupab, M., & Phaensomboon, P. (2022). Empathy, Deep Listening, and Marriage Stability according to Buddhist Psychology. Journal of MCU Humanities Review, 8(2), 489–517. Retrieved from https://so03.tci-thaijo.org/index.php/human/article/view/254190