การสื่อสารการเมืองและความสำนึกทางการเมืองที่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมือง ของประชาชนในจังหวัดชลบุรี
คำสำคัญ:
การสื่อสารการเมือง , ความสำนึกทางการเมือง , การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน , จังหวัดชลบุรีบทคัดย่อ
บทความวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน (2) วิเคราะห์การสื่อสารการเมืองและความสำนึกทางการเมืองที่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมือง และ 3) เสนอแนวทางการส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในจังหวัดชลบุรี เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี กรอบแนวคิดจากทฤษฎีของ Mc Quail, Almond และ Verba รวมถึง Nie และ Kim การวิจัยเชิงปริมาณประชากรได้แก่ ประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปในจังหวัดชลบุรี จำนวน 1,188,405 คน นำมาคำนวณกลุ่มตัวอย่างสูตรของทาโร ยามาเน่ ได้ จำนวน 400 คน การวิจัยเชิงคุณภาพการสัมภาษณ์กำนันอำเภอละ 2 คน รวม 22 คน เครื่องมือการวิจัยได้แก่ แบบสอบถามที่เป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ และแบบสัมภาษณ์นำข้อมูลคุณภาพมาวิเคราะห์เนื้อหา สถิติที่ใช้ได้แก่ แจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ. ผลการวิจัยพบว่า (1) ระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง พบว่ามี 1 ด้านอยู่ในระดับมาก คือด้านการใช้สิทธิเลือกตั้ง และอยู่ในระดับปานกลาง 3 ด้าน คือการเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมือง การจัดตั้งและการเป็นสมาชิกกลุ่มการเมือง การปฏิบัติตามบทบาทตามรัฐธรรมนูญ และอยู่ในระดับน้อย ด้านการชุมนุมทางการเมือง (2) การวิเคราะห์อิทธิพลของการสื่อสารการเมืองและความสำนึกทางการเมือง พบว่าตัวแปร 5 ด้าน ได้แก่ การรับรู้ข้อมูลข่าวสารทางการเมือง ความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูลทางการเมือง การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารทางการเมือง ความเข้าใจสิทธิและหน้าที่ทางการเมือง และการแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมือง ร่วมกันพยากรณ์การมีส่วนร่วมทางการเมือง ได้ร้อยละ 30.1 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ (3) แนวทางการส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน ควรมุ่งเน้นการเลือกใช้สื่อการสื่อสารทางการเมืองที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย เพิ่มการให้ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย พร้อมทั้งจัดกิจกรรมส่งเสริมให้เห็นความสำคัญของการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองและการมีส่วนร่วมในการดำรงตำแหน่งทางการเมืองในระดับท้องถิ่น
เอกสารอ้างอิง
จรรยามาศ ปลอดแก้ว. 2560. พฤติกรรมการเปิดรับข่าวสารทางการเมืองของประชาชนในจังหวัดสมุทรปราการ. ปริญญานิพนธ์รัฐศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
ณัฏฐพจน์ ขนฺติธโร (ร่องน้อย), พระมหา. 2564. ปัจจัยที่มีผลต่อการตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนในอำเภอละแม จังหวัดชุมพร. ปริญญานิพนธ์รัฐศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
ณิชกานต์ สอยโว. 2558. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในเขตเทศบาลตำบลสงเปลือย อำเภอนามน จังหวัดกาฬสินธุ์. ปริญญานิพนธ์รัฐ ประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
ทัศพงษ์ ชยเมธี (กลิ่นศรีสุข), พระมหา. 2564. การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในการปกครองส่วนท้องถิ่น ในอำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ. วารสารบัณฑิตศึกษามหาจุฬา ขอนแก่น. 8(3), 124-135. https://so02.tci-thaijo.org/index.php/jg-mcukk/article/view/248025
นันทนา นันทวโรภาส. (2557). การสื่อสารกับการพัฒนา. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
บวรศักดิ์ อุวรรณโณ และ ถวิลวดี บุรีกุล. 2549. ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม. นนทบุรี : สถาบันพระปกเกล้า.
บุญชม ศรีสะอาด. 2560. การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 10. กรุงเทพฯ : สีริยาสาสน์, 2560.
ศรัณยุ หมั้นทรัพย์. 2565. ความเป็นพลเมืองไทยกับการขับเคลื่อนแผนปฏิรูปด้านการเมือง : กรณีศึกษาการดำเนินงานของศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้า. นนทบุรี : สำนักส่งเสริมการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้า.
สำนักการบริหารทะเบียน กระทรวงมหาดไทย. 2567. ข้อมูลทะเบียนราษฎร์. ถ่ายเอกสาร.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. (2551). รัฐสภากับการเมืองการปกครองของไทย. กรุงเทพมหานคร:โรงพิมพ์สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.
อมรชัย ปิ่นเจริญ. 2560. ปัจจัยที่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตำบล อำเภอคลองเขื่อน จังหวัดฉะเชิงเทรา. ปริญญานิพนธ์รัฐ ประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์.
Almond, G. A., and Verba, S. 1963. The Civic Culture: Political Attitudes and Democracy in Five Nations. California : SAGE.
McQuail, D. 201). McQuail’s mass communication theory. (6th ed.). Los Angeles, California : SAGE.
Verba, S., Nie, N. H., & Kim Jae-On. 1978. Participation and Political Equality: A Seven Nation Comparison. London : Cambridge University Press.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
จรรยาบรรณผู้เขียนบทความ
ผู้เขียนบทความต้องรับรองว่าบทความนี้ไม่เคยตีพิมพ์ในวารสารใดหรือสิ่งพิมพ์อื่นๆ มาก่อน ต้องไม่คัดลอกผลงานผู้อื่นมาปรับแต่งเป็นบทความของตน และไม่ได้อยู่ระหว่างการเสนอเพื่อพิจารณาตีพิมพ์ อีกทั้งยอมรับหลักเกณฑ์การพิจารณาและการตรวจแก้ไขบทความต้นฉบับโดยกองบรรณาธิการวารสารวิทยาลัยนครราชสีมา สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
บทความทุกเรื่องได้รับการตรวจพิจารณาทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญตรงตามสาขาของบทความ ซึ่งผู้เขียนต้องแก้ไขตามคำแนะนำของผู้ทรงคุณวุฒิภายในระยะเวลาที่กำหนด หากไม่เป็นไปตามกำหนดกองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์และยกเลิกการตีพิมพ์โดยจะแจ้งให้ทราบต่อไป
ข้อความที่ปรากฏในบทความของวารสารนี้เป็นความคิดเห็นของผู้เขียนซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับวิทยาลัยนครราชสีมาแต่อย่างใด และกองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาและตรวจประเมินบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารของวิทยาลัยนครราชสีมา สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์