แนวทางการมีส่วนร่วมของชุมชนในการลดและเลิกการบริโภคยาสูบ จากการใช้มาตรการแยกกักตัวผู้ป่วย COVID-19 ในชุมชน (COMMUNITY ISOLATION)
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาการรับรู้ของประชาชนในด้านการลดและเลิกการบริโภคยาสูบในระหว่างการแยกกักตัวผู้ป่วย COVID-19 ในชุมชน (Community Isolation) และ 2) ศึกษาแนวทางการมีส่วนร่วมของชุมชนในการช่วยลดและเลิกการบริโภคยาสูบ จากการใช้มาตรการแยกกักตัวผู้ป่วย COVID-19 ในชุมชน โดยสอดคล้องกับมาตรการการใช้ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal)การวิจัยเป็นแบบผสานวิธีโดยใช้วิธีการวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ กลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญในการวิจัยได้แก่ บุคคลที่เข้าร่วมมาตรการแยกกักตัวผู้ป่วย COVID-19 ในพื้นที่ชุมชนตำบลบางปรอก และชุมชนบ้านพูนสุข อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี โดยใช้วิธีการคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจงจำนวน 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ผู้ป่วย COVID-19 ที่มีอาการเล็กน้อย (กลุ่มสีเขียว) ที่มีประวัติการบริโภคยาสูบในพื้นที่ จำนวน 20 คน และกลุ่มที่ 2 แกนนำชุมชน/อาสาสมัครสาธารณสุขที่มีส่วนในการช่วยลดและเลิกการบริโภคยาสูบให้กับสมาชิกในชุมชน จำนวน 6 คน เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ สถิติร้อยละ (Percentage)
ผลการศึกษาพบว่า 1) ประชากรกลุ่มตัวอย่างมีการรับรู้และมีพฤติกรรมการบริโภคยาสูบส่วนใหญ่ลดลงจากการเข้าร่วมมาตรการแยกกักตัวผู้ป่วย COVID-19 ในชุมชนและมีบางส่วนสามารถเลิกการบริโภคยาสูบได้อย่างถาวรหลังจากที่ได้รับการรักษาแล้ว และ 2) ผลการศึกษาแนวทางการมีส่วนร่วมของชุมชนในการช่วยลดและเลิกการบริโภคยาสูบให้กับสมาชิกในชุมชน พบว่า ต้องอาศัยการดำเนินการที่สำคัญ 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 มิติด้านหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาสังคม ประกอบด้วย การประชุมประชาคมในการรณรงค์ลดและเลิกบุหรี่ในชุมชน การกำหนดกฎกติกาชุมชนในการห้ามสูบบุหรี่ และการจัดกิจกรรมเพื่อลดและเลิกการสูบบุหรี่ในชุมชน และส่วนที่ 2 มิติ ด้านแกนนำชุมชนและสมาชิกในชุมชนประกอบด้วยการเชิญผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรมลดและเลิกสูบบุหรี่ให้กับสมาชิกในชุมชน การร่วมกันติดตามสอดส่องผู้สูบบุหรี่ในที่ห้ามสูบ และการปฏิบัติตาม และบังคับใช้กฎหมายควบคุมยาสูบ
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กรมการแพทย์. (2564). แนวทางการแยกกักผู้ป่วย COVID-19 ในชุมชน (Community Isolation) ฉบับวันที่ 24 กรกฎาคม 2564. สืบค้น 3 สิงหาคม 2564.จาก https://covid19.dms.go.th/backend/.
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น. (2564). บทที่ 2 องค์ประกอบและหลักการของงานสาธารณสุขมูลฐาน. สืบค้น 19 พฤศจิกายน 2564. จาก http://www.dla.go.th/work/e_book/.
ไทยพีบีเอสออนไลน์. (2564). โควิด-19 อาจทำให้ไร้บ้าน แต่ไม่ไร้เพื่อน ที่ “บ้านพูนสุข”. สืบค้น 3 สิงหาคม 2564. จาก https://news.thaipbs.or.th/content/.
บุญชัย พิริยกิจกำจร และนิรชร ชูติพัฒนะ. (2561). แนวทางการป้องกัน และลด ละ เลิกบุหรี่ของเยาวชน จังหวัดสงขลา. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้, 5(1), 108-123.
ยุพา จิ๋วพัฒนกุล และคณะ. (2558). การพัฒนาแนวทางในการป้องกันและลดการสูบบุหรี่ในเยาวชนโดยการมีส่วนร่วมของครอบครัวและชุมชน. กรุงเทพมหานคร: ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.).
รณชัย คงสกนธ์. (2563). จุดประเด็น : “สูบบุหรี่เสี่ยงระบาด COVID-19”. วารสาร TRC Research Update ก้าวทันวิจัยกับ ศจย., 12(3), 3-4.
วันทนีย์ วาสิกะสิน. (2546). สังคมสงเคราะห์คลินิก. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
สปริงนิวส์ออนไลน์. (2564). ตอบทุกคำถาม Community Isolation (CI) คืออะไร ช่วยเหลือใคร ตั้งอยู่ที่ไหน. สืบค้น 3 สิงหาคม 2564. จาก https://www.springnews.co.th/spring-life/.
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. (2563). ชีวิตวิถีใหม่ ชีวิตดีเริ่มที่เรา คู่มือสร้างเสริมสุขภาพดีแบบพึ่งตนเองในชีวิตวิถีใหม่, กรุงเทพมหานคร: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ.
สำนักงานเทศบาลเมืองปทุมธานี. (2564). ข่าวประชาสัมพันธ์สำนักงานเทศบาลเมืองปทุมธานี 11 สิงหาคม 2021. สืบค้น 7 กันยายน 2564. จาก https://www.facebook.com/profile/100068992006755/search/?q=หอประชุมโรงเรียนมัธยมศึกษาเทศบาลเมืองปทุมธานี%20&locale=sv_SE/.