การศึกษาทรัพยากรการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดระนอง ที่ตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ

Main Article Content

ธนิชชา ชัยชัชวาลประทีป

บทคัดย่อ

          การวิจัยนี้มุ่งเน้นศึกษาคุณลักษณะของทรัพยากรท่องเที่ยวที่เหมาะสมต่อการส่งเสริมสุขภาพ เพื่อนำมาประเมินและจัดประเภทแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและสร้างแนวทางในการออกแบบเส้นทางและกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในจังหวัดระนอง ตลอดจนแนวทางการพัฒนาทรัพยากรสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การวิจัยนี้เป็นงานวิจัยเชิงผสมผสาน ซึ่งเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มผู้ให้ข้อมูลทั้งสิ้น 73 ท่าน ด้วยวิธีการสุ่มแบบสโนว์บอลและสุ่มแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย ประกอบด้วย แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง แบบประเมินและการประชุมเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม


          ผลการวิจัย พบว่า ทรัพยากรท่องเที่ยวในจังหวัดระนองที่เหมาะสมกับการส่งเสริมสุขภาพมี 9 ประเภท รวมถึงทรัพยากรด้านศาสนสถาน และสถานบริการด้านสุขภาพ โดยแบ่งคุณลักษณะตามสุขภาพได้ 6 ประเภท ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในเขตอำเภอเมือง ทั้งนี้สามารถสร้างเส้นทาง รูปแบบและกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ได้ 2 ลักษณะคือ 1) การท่องเที่ยวเพื่อส่งเสริมสุขภาพหรือป้องกันโรค เรียกว่า เส้นทางสร้างสุขภาพ และ 2) การท่องเที่ยวเพื่อรักษาหรือฟื้นฟูสุขภาพ เรียกว่า เส้นทางฟื้นรักษ์ ส่วนแนวทางการพัฒนาทรัพยากรท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศของแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพแต่ละประเภท สามารถสรุปได้ดังนี้ 1) การปรับปรุงและเพิ่มเติมโครงสร้างพื้นฐานทางการท่องเที่ยว 2) การสื่อความหมายทางการท่องเที่ยวโดยใช้เทคโนโลยีและอาสาสมัครเยาวชน 3) การสร้างการรับรู้และความเข้าใจและการอบรมแก่ชุมชน 4) การพัฒนาเอกลักษณ์การให้บริการด้านสุขภาพเป็นไปในแนวทางและมีมาตรฐานเดียวกัน ตลอดจนพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพโดยใช้ส่วนผสมจากทรัพยากรที่โดดเด่นของจังหวัด และ 5) สร้างความร่วมมือและสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดระนองทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ชัยชัชวาลประทีป ธ. . (2023). การศึกษาทรัพยากรการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดระนอง ที่ตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ . วารสารศิลปศาสตร์ราชมงคลสุวรรณภูมิ, 5(1), 80–94. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/art/article/view/265734
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา. (2561). ความสุขของนักท่องเที่ยวในการเลือกจุดหมายปลายทาง. สืบค้น 14 กรกฎาคม 2563. จาก www.mots.go.th/main.php?fiename=index.

กัญญาวีณ์ ล่ำสัน. (2558). การจัดการทรัพยากรการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในพื้นที่ปากแม่น้ำบางปะกงจังหวัดฉะเชิงเทรา. (วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต). กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.

ชยาภรณ์ ธีรเวชพลกุล และไพฑูรย์ เจตธำรงชัย. (2561). กลยุทธ์การตลาดเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เชิงส่งเสริมสุขภาพในพื้นที่อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง. วารสารรัชต์ภาคย์, 12(27). 85-100.

ฐมจารี ปาลอภิไตร. (2560). การศึกษาศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวรอบพื้นที่โรงไฟฟ้าบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยศรีปทุม.

รัดเกล้า เปรมประสิทธิ์. (2558). การศึกษาศักยภาพและความสามารถในการรองรับการท่องเที่ยวอำเภอภูเรือ จังหวัดเลย. พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยนเรศวร.

สรรค์นันธ์ ตันติอุโฆษกุล และคณะ. (2561). การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของจังหวัดนครศรีธรรมราช ให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของภาคใต้ตอนบน. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.).

สุรีย์ ธรรมิกบวร. (2554). การพยาบาลองค์รวม: กรณีศึกษา. กรุงเทพมหานคร: ธนาเพรส จำกัด.

Alaeddinoglu, F. & Can, AS. (2010). Identification and classification of nature-based tourism resources: western Lake Van basin, Turkey. Procedia Social and Behavioral Sciences, 19(2011). 198–207.

Global Spa Summitt. (2012). RESEARCH REPORT : GLOBAL SPA SUMMIT 2011. Wellness Tourism and Medical Tourism: Where Do Spas Fit?.

Hoheb, C. (2013). Top 10 trends wellness travel 2013. Wellness Tourism Worldwide. Retrieved on September 30, 2022. from www.wellnesstourismworldwide.com.

Mueller, H., & Kaufmann, E. L. (2001). Wellness tourism: Market analysis of a special health tourism segment and implications for the hotel industry. Journal of Vacation Marketing, 7, 5-17.

Ritchie and Crouch. (2002). The competitive destination: A sustatinable touism perspective. Wallingford, United Kingdom: CABI Publishing.