การขนส่งควบคุมอุณหภูมิแบบยั่งยืนด้วยรถขนส่ง มัลติ เทมป์ บริษัท ดีเอชแอล ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาการขนส่งควบคุมอุณหภูมิแบบยั่งยืนด้วยรถขนส่ง มัลติ เทมป์ ของบริษัท ดีเอชแอลดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด 2) เปรียบเทียบประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิด้วยรถขนส่งแบบเดิมกับรถขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิมัลติ เทมป์ และ 3) ศึกษาประสิทธิภาพการขนส่ง และเสนอแนะเพื่อการตัดสินใจเปลี่ยนแปลง  ใช้การวิจัยเชิงคุณภาพ ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ 82 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content analysis) ผลการวิจัยพบว่า 1) การขนส่งควบคุมอุณหภูมิด้วยรถขนส่ง มัลติ เทมป์ สามารถควบคุมอุณหภูมิของสินค้าข้างในตู้ได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากความหนาของตู้ที่เพิ่มขึ้นมาจากรถตู้สิบล้อควบคุมอุณหภูมิธรรมดา 6 มิลลิเมตร ซึ่งช่วยในการควบคุมอุณหภูมิให้นิ่ง และมีความเสถียรตลอดเส้นทางระหว่างขนส่ง และขนาดตู้ที่ใหญ่ขึ้นยังสามารถเพิ่มการบรรทุกสินค้ามากขึ้น 4 พาเลท/เที่ยว หรือ 312 พาเลท/เดือน อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันลดลง เนื่องจากใช้แผงโซ่ล่าเซลล์ช่วยเร่งอุณหภูมิของตู้บรรทุกสินค้า ทำให้ไม่ต้องใช้น้ำมันในการเร่งทำอุณหภูมิเพียงอย่างเดียว และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 85,000 กิโลกรัม 2) รถขนส่งมัลติ เทมป์ ควบคุมอุณหภูมิ หน่วยทำความเย็นแบบไม่อิสระต้องพึ่งพาแหล่งพลังงานของรถบรรทุกตู้เย็นมากเกินไป เมื่อเครื่องยนต์รถบรรทุกในตู้เย็นหยุดทำงานหน่วยทำความเย็นที่ไม่ขึ้นต่อกันจะสูญเสียกำลังไฟระบบทำความเย็นหยุดทำงาน  และหากปิดประตูรถจะทำให้ประตูจะเปิดบ่อยครั้งส่งผลให้อุณหภูมิภายในรถเพิ่มขึ้นเนื่องจากการสูญเสียอากาศเย็นจำนวนมากในตัวรถ  หรือทำให้ตู้เย็นจะหยุดการระบายความร้อนเมื่อรถล้มเหลว (เครื่องยนต์ดับ) และสินค้าในรถเสียหายได้ง่าย อีกทั้งต้นทุนของค่าแรงพนักงานคนขับรถยังเพิ่มขึ้นจาก 54,000 บาท เป็น 74,000 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นมาถึง 20,000 บาท และค่าจ้างพนักงานขับรถสูงมากกว่ารถบรรทุกธรรมดาทั่วไปถึง 20,000 บาท จึงควรปรับลดค่าความปลอดภัยจากวันละ 200 เป็น 100 บาท/วัน และไม่ต้องจ่ายค่าล่วงเวลา (โอที) 2 แรง ตัดโอทีพิเศษเพื่อลดต้นทุนในส่วนของค่าแรง และ 3) เสนอแนะให้เปลี่ยนมาใช้รถมัลติ เทมป์ ซึ่งใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งในด้านของการขับเคลื่อนและการทำความเย็นในตู้ควบคุมอุณหภูมิ เพื่อตัดการใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งการใช้พลังงานไฟฟ้านั้นย่อมส่งผลดีกว่าในระยะยาว