08 ปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในเชิงการออม ของพนักงานบริษัทในเขตหนองแขม

บทคัดย่อ

การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาลักษณะปัจจัยด้านประชากรศาสตร์และพฤติกรรมการลงทุน
ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในเชิงการออมของพนักงานบริษัทในเขตหนองแขม 2) เพื่อศึกษาอิทธิพลของปัจจัย
ด้านประชากรศาสตร์ที่มีผลต่อ รูปแบบพฤติกรรมการลงทุนของผู้ตอบแบบสอบถาม และ3) เพื่อศึกษาอิทธิพล
ของปัจจัยบริหารจัดการการลงทุนที่มีผลต่อ รูปแบบพฤติกรรมการลงทุนของผู้ตอบแบบสอบถาม ผู้วิจัยรวบรวม
ผู้ให้ข้อมูลทั้งสิ้น 400 ราย โดยใช้แบบสอบถาม เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล และนำมาวิเคราะห์ข้อมูล
เชิงปริมาณ โดยใช้การแจกแจงความถี่ ค่าสถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ข้อมูล
เพื่อทดสอบสมมติฐานโดยใช้สถิติค่า t-test และ F-Test (one way ANOVA) ที่ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 95
ผลการวิจัยพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 50.50) มีสถานภาพสมรส (ร้อยละ
64.75) อายุอยู่ในช่วง 41-50 ปี (ร้อยละ 46.25) รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001 - 45,000 บาท (ร้อยละ 46.75)
การศึกษาจบระดับปริญญาตรี (ร้อยละ 78.25) ผลการวิเคราะห์พฤติกรรมการออมเงินพบว่า ผู้มีอิทธิพลต่อการ
ลงทุนส่วนใหญ่ตัดสินใจด้วยตนเอง (ร้อยละ 63.00) วัตถุประสงค์การออมส่วนใหญ่ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายหลังเกษียณ
(ร้อยละ 74.75) จำนวนเงินลงทุนส่วนใหญ่คือร้อยละ 10 ของเงินเดือน (ร้อยละ 52.50) รูปแบบการลงทุนส่วน
ใหญ่เป็น แผนที่ 7 (50-50) (ร้อยละ 41.50) สำหรับปัจจัยในการเลือกจำนวนและรูปแบบ อยู่ที่ผลตอบแทนที่
จะได้รับจากการลงทุน (ร้อยละ38.00)
ปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในเชิงการออมของพนักงานบริษัทในเขตหนองแขม
ในภาพรวมอยู่ระดับมาก (Mean=3.46) โดยปัจจัยที่ได้รับการประเมินในสามลำดับแรกได้แก่ การสนับสนุนเงิน
สมทบจากหน่วยงาน (Mean=3.72) การประชาสัมพันธ์/ให้ข้อมูล (Mean=3.61) และ ความน่าเชื่อถือชอง
บริษัทฯ (Mean=3.52) ตามลำดับ.