บทบาทของปอเนาะและมัดระซะฮ์ในการธำรงไว้ซึ่งภาษามลายูอักขระญาวี ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย

ผู้แต่ง

  • อิบรอฮีม ณรงค์รักษาเขต คณะวิทยาการอิสลาม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
  • นุมาน หะยีมะแซ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
  • มูฮามัสสกรี มันยูนุ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยฟาฏอนี
  • ฮานาฟี วงษ์หลี คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา

คำสำคัญ:

ปอเนาะ , มัดระซะฮ์ , มลายูอักขระญาวี

บทคัดย่อ

วัตถุประสงค์ งานวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1. การเข้ามาของอิสลามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย 2. การพัฒนาปอเนาะและมัดระซะฮ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย 3. บทบาทของปอเนาะและมัดระซะฮ์ในการธำรงไว้ซึ่งภาษามลายูอักขระญาวีในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย

วิธีการศึกษา การวิจัยเชิงคุณภาพนี้ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเอกสารที่เน้นเอกสารระดับปฐมภูมิ นอกจากนั้นก็มีการอ้างอิงถึงเอกสารที่เป็นทุติยภูมิและตติยภูมิ 

ผลการวิจัย การดำรงอยู่ของชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยมีความสัมพันธ์กับการเข้ามาของศาสนาอิสลามในภูมิภาคแห่งนี้ จากข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์พื้นที่ชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนของชาวมลายูโบราณที่รู้จักในนาม "ลังกาสุกะ" นักประวัติศาสตร์บางคนเชื่อว่าลังกาสุกะตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรมลายู ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างสงขลาและรัฐกลันตันของประเทศสหพันธรัฐมาเลเซีย แต่บางคนกลับแย้งว่าลังกาสุกะตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรมลายู

ศาสนาที่เก่าแก่ของชาวลังกาสุกะ ได้แก่ ศาสนาพราหมณ์ ศาสนาฮินดู ศาสนาพุทธ และศาสนาอิสลาม ชนชั้นนำในสังคมลังกาสุกะส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดู พราหมณ์และพุทธ อิสลามเข้าในภูมิภาคนี้ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 แต่คนในพื้นที่แห่งนี้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามในราวคริสต์ศตวรรษที่ 13 หรือ 14 ผลการวิจัยจึงสามารถจะสรุปโดยสังเขปว่าอิสลามเข้ามาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยในสอง ลักษณะคือ การเข้ามาของอิสลามในกลุ่มชนชั้นปกครองและการเข้ามาสู่ประชาชนโดยทั่วไป

หลังจากที่กษัตริย์องค์สุดท้ายของลังกาสุกะเข้ารับอิสลาม ลังกาสุกะก็   ค่อย ๆ หายไปและคำว่าปาตานีก็ปรากฏตัวขึ้นแทนลังกาสุกะ หลังจากนั้นอิสลามได้แพร่ขยายออกไปอย่างกว้างขวาง และเข้ามาแทนที่วัฒนธรรมและแนวปฏิบัติเก่า ๆ บางอย่างของสังคมลังกาสุกะ รวมทั้งพิธีกรรมและรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวัน จากนั้นภาษามลายูที่ใช้อักขระหรืออักษรปัลวะก็ถูกแทนที่ด้วยอักขระญาวีที่มีอิทธิพลจากภาษาอาหรับ ในบรรดาสถาบันหลักที่มีบทบาทในการอนุรักษ์และธำรงไว้ซึ่งอักขระญาวี ได้แก่ ปอเนาะที่ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในราวคริสต์ศตวรรษที่ 15 และมัดระซะฮ์ ที่ปรากฏขึ้นในราวคริสต์ศตวรรษที่ 20

ในส่วนของภาษานั้น ภาษามลายูเป็นภาษาออสโตรนีเซียนที่มีพัฒนาการถึง 5 ยุคสมัย ได้แก่ ภาษามลายูโบราณ ภาษามลายูเก่า ภาษามลายูคลาสสิก ภาษามลายูยุคก่อนสมัยใหม่ และภาษามลายูสมัยใหม่ ในขณะที่ภาษามลายูที่ใช้อักขระญาวีสามารถแบ่งออกได้เป็นสมัยต่าง ๆ คือ สมัยโบราณ สมัยปากาตัน สมัยซะอ์บา สมัยญาวีดียันและญาวีสมัยปัจจุบันที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน.

การนำผลวิจัยไปใช้ เป็นองค์ความรู้ใหม่ที่สามารถเป็นคุณูปการทางวิชาการและสามารถต่อยอดในแวดวงวิชาการต่อไป

เอกสารอ้างอิง

Bashah, A. H. (1994). Raja Champa dan Dinasti Jembal dalam Patani Besar. Pustaka Reka.

Benjasmith, I. I. (2015). “Pengaruh Pengajian Pondok dalam Pembinaan Tamadun Masyarakat Islam Nusantara” Ijtimak Ulamak Nusamytara 1427/2015 5 Muharram 1427/18 Oktober 2015 Kelantan.

Dahlan, A. (2017). Sejarah Melayu. Dewan Bahasa dan Pustaka.

Haji Abdullah, A. R. (2007). Sejarah dan Tamadun Islam. Pustaka Darussalam.

Melebek, A. R., & Moain, A. J. (2005). Sejarah Bahasa Melayu. Utusan Publication & Distributors Sdn.Bhd.

Muhmood, A. R., & Al-Fatani, A. F. (2018). Kelantan-Patani Ulama’ dan Intelektualisme Melayu Wilah Timur. Pustaka Aman Press.

Mohd. Zamberi A. Malek (1993). Umat Islam Patani: Sejarah dan Politik. Hizbi.

Shalaby, A. (1973). Sejarah Pendidikn Islam. Bulun Bintang.

Teeuw, A. & Wyatt, D. K. (1970). Hikayat Patani. Martinus Nijhoff.

Wikipedia. https://ms.wikipedia.org/wiki/Bahasa Melayu. Retrieved Retrieved 23 May 2023.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

22-12-2023

รูปแบบการอ้างอิง

ณรงค์รักษาเขต อ. ., หะยีมะแซ น. ., มันยูนุ ม. ., & วงษ์หลี ฮ. . (2023). บทบาทของปอเนาะและมัดระซะฮ์ในการธำรงไว้ซึ่งภาษามลายูอักขระญาวี ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย. วารสารอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, 14(2), 1–21. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/JOIS/article/view/272182

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย