ระเบียบวิธีการเขียนฟิกฮ์ในกิตาบมัฏละอฺ อัลบัดร็อยน์ของ ชัยค์มุหัมมัด บิน อิสมาอีล อัดดาวูดีย์ อัลฟะฏอนีย์
คำสำคัญ:
ระเบียบวิธีการเขียน, ฟิกฮ์, มัฏละอฺ อัลบัดร็อยน์, มุหัมมัด บิน อิสมาอีล อัดดาวูดีย์ อัลฟะฏอนีย์บทคัดย่อ
บทความเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาชีวประวัติของชัยค์มุหัมมัด บิน อิสมาอีล อัดดาวูดีย์ อัลฟาฏอนีย์ โดยสังเขป ซึ่งเป็นปราชญ์ปัตตานีท่านหนึ่งที่มีชื่อเสียงและมีความเชี่ยวชาญทางด้านสาขาวิชาฟิกฮฺและเพื่อศึกษาวิเคราะห์กิตาบ (หนังสือ) มัฏละอฺ อัลบัดร็อยน์ (مطلع البدرين) ซึ่งเป็นหนังสือฟิกฮฺที่เป็นภาษามลายูที่ได้รับการยอมรับและมีการใช้ในการเรียนการสอนนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันอย่างแพร่หลาย การวิเคราะห์หนังสือเล่มนี้ผู้วิจัยจะเน้นในด้านวิธีการและลักษณะการเขียนทางด้านฟิกฮฺของผู้แต่งซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของปราชญ์ปัตตานีในอดีตที่ได้สร้างชื่อเสียงจนเป็นที่เลื่องลือและทำให้ปัตตานีในยุคนั้นกลายเป็นศูนย์กลางวิชาการอิสลามในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย ผู้วิจัยใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภาพโดยเน้นการวิจัยเอกสารเป็นหลัก
สำหรับผลการวิจัยได้ค้นพบว่าเชคมุหัมมัด บิน อิสมาอีล อัดดาวูดีย์ เป็นปราชญ์ปัตตานีท่านหนึ่งที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านวิชาฟิกฮฺและมีบทบาทในการเผยแพร่วิทยาการอิสลามด้วยการแต่งหนังสือฟิกฮฺด้วยภาษามลายู และท่านมีระเบียบวิธีการเขียนทางด้านฟิกฮฺ คือใช้ลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของปราชญ์ปัตตานีในการแต่งหนังสือในอดีต กล่าวคือในเนื้อหาแต่ละส่วนของหนังสือ ท่านได้สรุปและแปลเป็นภาษามลายูจากตำราต้นฉบับที่เป็นภาษาอาหรับหลายเล่มด้วยกัน ดังเช่นเนื้อหาส่วนใหญ่จะมาจากหนังสือ “فتح الوهاب” ของเชคซะกะริยา อัลอันศอรีย์ รองลงมาคือหนังสือ “حاشية الباجوري” ของเชคอิบรอฮีม อัลบาญูรีย์ และในลำดับที่สามคือหนังสือ “حاشية البجيرمي” ของเชคสุลัยมาน อัลบุญัยริมีย์ นอกจากทั้งสามเล่มนี้แล้วยังมีหนังสืออื่น ๆ อีกหลายเล่มด้วยกัน เช่น หนังสือ “سبيل المهتدين” เขียนโดยชัยค์มุหัมมัดอัรชัด บิน อับุลลอฮฺ อัลบันญารีย์ (al-Banjari) หนังสือ “نهاية المحتاج ” เขียนโดยชัยค์อัรรอมลีย์หนังสือ “الأذكا ر” เป็นหนังสือที่อิมามอันนะวะวีย์ หนังสือ “شرح صحيح مسلم” เขียนโดยอิมามอันนะวะวีย์ เช่นกัน
เอกสารอ้างอิง
______. (2001) b. Ulama Besar dari Fatani. 1st ed. Selangor : University Kebangsaan Malaysia.
al-Ansari, Zakariya Ibn Muhammad. n.d. Fath al-Wahhab. Jeddah : Al-Haramayn.
al-Bajuri, Ibrahim Ibn Muhammad. (1996). Hashiyah al-Bajuri. 1st ed. Beirut : Dar Ihya al-Turath.
al-Banjari, Muhammad Arshad Bin Abdullah. n.d. Sabil al-Muhtadin. Penang : Dar al-Ma‘arif.
al-Bujairimi, Sulaiman Ibn Muhammad. (1950). Hashiyah al-Bujairimi. Egypt : Mustafa al-Babi al-Halabi.
al-Daudi, Muhammad Bin Ismail. (1984). Matla ‘a al-Badrayn. Pattani : Matba ‘ah Bin Halabi.
al-Nawawi, Yahya Ibn Sharaf. (2001). al-Azkar. 8th ed. Riyadh : Dar al-Huda.
al-Ramli, Muhammad Ibn Ahmad. (1983). Nihayat al-Muhtaj. Beirut : Dar al-Fikr.
Bangnara , A. (1977). Fatani Dehulu dan Sekarang. 1st ed. s.l. : Penyelidikan Angkatan Fatani.
Bin Abdul Kadir, Muhd Najib. (2001). “ Shaykh Muhammad Bin Ismail Daudi al-Fatani : Peranan dan Sumbangannya Dalam Dakwah Islamiah” In Nadwah Ulama Nusantara 1. Pattani : Kolej Pengajian Islam, Prince of Songkla University.
Bin Che Daud , Ismail. (1992). Tokoh-tokoh ‘Ulama ‘a Semenanjung Melayu (1). Kelantan. Majlis Ugama Islam dan Adat Istiadat Melayu Kelantan.
Bin Haji Ahmad , Zakariya. (2002). Matla’ al-Nurain. Kedah : Pustaka Dar al-Salam.
Bin Mohammad, Abdul Basir. (2001). “ Pengaruh Kitab Fath al- Wahhab Kepada Penulisan Kitab Matla’ al- Badrayn : Kajian Tertumpu Kepada Tajuk Ma Tutlifu al- Baha ‘im”,In Nadwah Ulama Nusantara 1 . Pattani : Kolej Pengajian Islam, Prince of Songkla University.
Bin Yahya , Abd al-Ghani. (1988). Suluh Matla’ al-Badrayn. Johor : Pustaka Hussain.
Fathi, Ahmad. (2001) a. Pengantar Sejarah Patani. Kelantan : Pustaka Aman.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความทุกเรื่อง ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารอิสลามศึกษาเป็นแนวคิดของผู้เขียน มิใช่เป็นความคิดเห็นคณะผู้จัดทำและมิใช่ความรับผิดชอบของคณะวิทยาการอิสลาม กองบรรณาธิการไม่สงวนสิทธิ์การคัดลอก แต่ให้มีการอ้างอิงแสดงที่มา
