การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อแก้ปัญหาการฟังภาษาอังกฤษ ของนักศึกษาคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏ
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อแก้ปัญหาทักษะการฟังภาษาอังกฤษของนักศึกษาคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏ การวิจัยแบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน ประกอบด้วย การศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดองค์ประกอบของการจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสม ระยะที่ 2 พัฒนารูปแบบและประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน ที่ได้รับการคัดเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือวิจัย คือ แบบประเมินรูปแบบการจัดการเรียนรู้ วิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อแก้ปัญหาการฟังภาษาอังกฤษที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ ได้แก่ หลักการ วัตถุประสงค์ ขั้นตอน และแนวทางการวัดแระเมินของรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อแก้ปัญหาการฟังภาษาอังกฤษฯ 4 ขั้นตอนที่ 1) ขั้นที่ 1 การเตรียมความพร้อมและสร้างบริบท ขั้นตอนที่ 2) การเรียนรู้ผ่านกระบวนการฟังแบบมีเป้าหมาย ขั้นตอนที่ 3) การเรียนรู้ร่วมกันแบบมีปฏิสัมพันธ์ ขั้นตอนที่ 4) การสะท้อนผลและปรับกลยุทธ์ ผลการประเมินรูปแบบจากผู้ทรงคุณวุฒิ พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อแก้ปัญหาการฟังภาษาอังกฤษฯ มีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด ( = 4.63, S.D. = 0.21) ซึ่งผลการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ทรงคุณวุฒิและการทดลองนำร่องพบว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อแก้ปัญหาการฟังภาษาอังกฤษฯ โดยใช้แนวคิดโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีโครงสร้างความรู้เดิม และการจัดการเรียนรู้ตามภาระงาน สามารถนำใช้กับนักศึกษาคณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏ โดยเฉพาะในด้านความสามารถในการจับใจความสำคัญ การอนุมานความหมายจากบริบท การใช้กลยุทธ์อภิปัญญา และการสะท้อนการเรียนรู้ของตนเอง เพื่อพัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของนักศึกษาให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืน
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
นงลักษณ์ วิชัยรัตน์. (2562). เทคนิคการสอนทักษะการฟังภาษาอังกฤษในระดับอุดมศึกษา. วารสารภาษาและวรรณคดี, 15(3), 89-105.
พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547. (2547). ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 121 ตอนที่ 43 ก หน้า 1-15 (10 มิถุนายน 2547).
พวงรัตน์ ทวีรัตน์. (2540). การประเมินผลการเรียนรู้. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
มหาวิทยาลัยราชภัฏ. (2562). ยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น พ.ศ. 2562 - 2566. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา.
เลขาธิการสภาการศึกษา. (2563). รายงานผลการวิจัยการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). แผนการศึกษาชาติ 2560 - 2579. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา.
สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา. (2562). รายงานผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม.
สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา. (2564). รายงานผลการประเมินสมรรถนะด้านภาษาอังกฤษของนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม.
สุชาติ แสนพิช. (2561). การพัฒนาทักษะการฟังภาษาอังกฤษสำหรับนักศึกษาคณะครุศาสตร์. วารสารการศึกษาและพัฒนาท้องถิ่น, 7(1), 45-62.
Anderson, A. & Lynch, T. (1988). Listening. Oxford, United Kingdom: Oxford University Press.
Brown, H. D. (2017). Principles of language learning and teaching. (7th ed.). New York: United States: Pearson Education.
Carrell, P. L. & Eisterhold, J. C. (1983). Schema theory and ESL reading pedagogy. TESOL Quarterly, 17(4), 553-573.
Crystal, D. (2019). English as a global language. (2nd ed.). Cambridge: Cambridge University Press.
Darling-Hammond, L. et al. (2020). Implications for educational practice of the science of learning and development. Applied Developmental Science, 24(2), 97-140.
EF Education First. (2023). EF English Proficiency Index. Retrieved December 7, 2024, from https://www.ef.com/epi/
Ellis, R. (2003). Task-based language learning and teaching. Oxford, United Kingdom: Oxford University Press.
ETS Global. (2023). TOEIC test statistics. Retrieved December 7, 2024, from https://www.etsglobal.org/
Field, J. (2008). Listening in the language classroom. Cambridge, United Kingdom: Cambridge University Press.
Gilakjani, A. P. & Sabouri, N. B. (2016). Learners’ listening comprehension difficulties in English language learning: A literature review. English Language Teaching, 9(6), 123-133.
Goh, C. C. M. (2000). A cognitive perspective on language learners’ listening comprehension problems. System, 28(1), 55-75.
Graham, S. & Santos, D. (2015). Strategies for second language listening: Current scenarios and improved pedagogy. London, United Kingdom: Palgrave Macmillan.
Jenkins, J. (2018). English as a lingua franca: Attitude and identity. Oxford, United Kingdom: Oxford University Press.
Kibler, A. & Valdés, G. (2020). Reconceptualizing language learners and language use in policy and practice. Educational Researcher, 49(1), 14-24.
McKay, S. L. & Brown, J. D. (2021). Teaching and assessing EIL in local contexts around the world. New York: Routledge.
Nunan, D. (2004). Task-Based Language Teaching. Cambridge: Cambridge University Press.
Oxford, R. L. (2017). Teaching and researching language learning strategies: Self-regulation in context. (2nd ed.). London, United Kingdom: Routledge.
Richards, J. C. & Rodgers, T. S. (2014). Approaches and Methods in Language Teaching. (3rd ed.). Cambridge: Cambridge University Press.
Rost, M. & Wilson, J. J. (2022). Active listening. London, England: Routledge.
Rost, M. (2016). Teaching and researching listening. (2nd ed.). London, England: Routledge.
Rovinelli, R. J. & Hambleton, R. K. (1977). On the use of content specialists in the assessment of criterion-referenced test item validity. Dutch Journal of Educational Research, 2(1977), 49-60.
Skehan, P. (1996). A Framework for the Implementation of Task-based Instruction. Applied Linguistics, 17(1), 38-62.
Vandergrift, L. & Cross, J. (2018). Teaching listening comprehension: Exploring the cognitive dimension. New York: Routledge.
Vandergrift, L. & Goh, C. C. M. (2012). Teaching and learning second language listening: Metacognition in action. New York: Routledge.
Willis, J. & Willis, D. (2007). Doing task-based teaching. Oxford, England: Oxford University Press.
