แรงจูงใจในการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน วัดปากบ่อกรุงเทพมหานคร
DOI:
https://doi.org/10.60027/iarj.2024.278058คำสำคัญ:
การบรรพชาสามเณร; , แรงจูงใจ; , แบบวัด; , ภาคฤดูร้อนบทคัดย่อ
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: สังคมไทยส่วนใหญ่ได้รับการยอมรับว่าเป็นชาวพุทธ และชาวพุทธทุกวัยได้รับอิทธิพลจากแนวคิดและหลักคำสอนของพระพุทธศาสนามายาวนาน วัตถุประสงค์ของการอุปสมบทสามเณรภาคฤดูร้อน คือ เพื่อปั้นเยาวชนให้เป็นคนดี มีพฤติกรรมอันพึงปรารถนา สอดคล้องกับคุณค่าทางวัฒนธรรมของพระพุทธศาสนา ดังนั้นงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) สร้างแบบวัดแรงจูงใจในการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน วัดปากบ่อกรุงเทพมหานคร และ (2) เปรียบเทียบแรงจูงใจในการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน วัดปากบ่อกรุงเทพมหานคร ของนักเรียนที่มีประสบการณ์การบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนแตกต่างกัน
ระเบียบวิจัย: การวิจัยในครั้งนี้เป็นงานวิจัยเชิงปริมาณ เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามแบบมาตรประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 28 ข้อ กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนที่เข้าร่วมโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนครั้งที่ 51 ประจำปี 2567 ที่วัดปากบ่อกรุงเทพมหานคร จำนวนตัวอย่างวิจัยขั้นต่ำที่คำนวณได้จากโปรแกรม G* power 3.1.9.7 มีขนาดตัวอย่างขั้นต่ำเท่ากับ 118 รูป ซึ่งมีค่าขนาดอิทธิพล 0.50 และ Power (1-β err prob 0.85 ) และสุ่มโดยวิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้นภูมิ โดยจำแนกตามประสบการณ์การบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน และผู้วิจัยได้เก็บข้อมูลจริงโดยเพิ่มขนาดตัวอย่างเท่ากับ 137 รูป เพื่อป้องกันการสูญหายของข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยาย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และใช้สถิติอ้างอิง คือ การทดสอบที เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยระหว่างกลุ่มตัวอย่างสองกลุ่มที่เป็นอิสระจากกัน
ผลการวิจัย: ( 1) แบบวัดแรงจูงใจในการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน วัดปากบ่อกรุงเทพมหานคร มีค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างวัตถุประสงค์และข้อคำถาม อยู่ระหว่าง 0.67 - 1.00 ค่าความเที่ยงโดยการหาค่าความสอดคล้องภายใน พบว่า มีค่า 0.86 ค่าความสัมพันธ์ระหว่างคะแนนรวม พบว่า มีค่าอยู่ระหว่าง 0.20 – 0.71 (2) นักเรียนที่มีประสบการณ์การบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนแตกต่างกันมีแรงจูงใจในการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (t=-2.50, sig= .01)โดยกลุ่มที่เคยมีประสบการณ์การบรรพชา มีค่าเฉลี่ย 3.92 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.48 ซึ่งสูงกว่ากลุ่มที่ไม่เคยมีประสบการณ์การบรรพชา มีค่าเฉลี่ย 3.70 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.51
References
เบญจวรรณ เลิศหตัถกิจ. (2556). การสร้างแบบวัดคุณลักษณะนักวิจัยสำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น. ปริญญานิพนธ์: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
พระครูวรกิจจาทร (ถวัลย์ นาคพิมพ์). (2567). ผู้รับผิดชอบโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนประจำปี [สัมภาษณ์].
พระครูวิธานอุดมกิจ (ฉัตรชัย จงเจตดี). (2567). แนวทางส่งเสริมการบรรพชาอุปสมบทของพุทธศาสนิกชนในสังคมไทย. วารสารนวัตกรรมการจัดการศึกษาและการวิจัย, 6(1), 204-209.
พระณัฏฐกฤศ อุดมผล, กรรณิการ์ ขาวเงิน, สุนทราภรณ์ เตชะพะโลกุล, นาฎนภางค์ โพธิ์ไพจิตร์, และชมพูนุช ช้างเจริญ. (2562). แรงจูงใจในการบรรพชาอุปสมบทหมู่เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ในงานพระบรมศพ. วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช). (2548). ราชบัณฑิตพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์: ชุดคำวัด. วัดราชโอรสาราม.
พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตโต). (2543). พจนานุกรมพุทธศาสตร์ฉบับประมวลศัพท์. มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระมหาสุวิทย์ ธมฺมิกมุนิ (ธีรเนตร), และธวัช หอมทวนลม. (2561). วิธีการสร้างแรงจูงใจในการบรรพชาเป็นสามเณรในสังคมไทย. วารสารบัณฑิตศึกษาปริทรรศน์, 14(2), 56-62.
พระวิสันต์ ปานเพ็ชร. (2566). แรงจูงใจในการปฏิบัติธรรมของอุบาสกอุบาสิกาในวัดศรีสุทธาวาส จังหวัด เลย. วารสารสังคมศาสตร์บูรณาการ, 3(7), 35-44.
พระโสภณคุณาภรณ์ (ระแบบ ฐิตญาโณ). (2522). พระพุทธศาสนาปริทรรศน์. โรงพิมพ์มหามกุฎราชวิทยาลัย.
มูลนิธิพุทธโฆษณ์. (2564, 15 มิถุนายน). สามเณร ผู้นำพุทธศาสนาในอนาคต. Retrieved from: https://kalyanamitra.org/th/article_detail.php?i=18942
โมลี สุทฺธิโมลิโพธิ. (2563). ลักษณะของบุคคลที่มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์. วารสารพุทธจิตวิทยา, 5(6), 13-17. https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jbp/article/view/246154/167745
วชิรญาณวโรรส สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยา. (2531). วินัยมุข เล่ม 2. พิมพ์ครั้งที่ 22: โรงพิมพ์มหามกุฎราชวิทยาลัย.
ศิริชัย กาญจนวาสี. (2556). ทฤษฎีการทดสอบแบบดั้งเดิม. พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ. (2564, 16 มิถุนายน). สามเณร. Retreived from: https://legacy.nrct.go.th
สุวิมล ติรกานันท์. (2555). ระเบียบวิธีการวิจัยทางสังคมศาสตร์: แนวทางสู่การปฏิบัติ. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Ishii, Y. (1986). Sangha, State, and Society: Thai Buddhism in History. University of Hawaii Press.
Kabilsingh, C. (1998). Buddhist Monastic Education: Its Origin and Development in Thailand. Wisdom Publications.
Keyes, C. F. (1983). Thailand: Buddhist Kingdom as Modern Nation-State. Westview Press.
McClelland, D.C. & Burnham, D.H. (2008). Power is the great motivator. Harvard Business School Publishing.
Ryan, R.M. & Deci, E.L. (2000). Intrinsic and Extrinsic Motivations: Classic Definitions and New Directions. Contemporary Educational Psychology, 25, 54–67
Song, Y., & Yan, L. (2020). “Who is Buddha? I am Buddha.”—The motivations and experiences of Chinese young adults attending a Zen meditation camp in Taiwan. In Journal of Convention & Event Tourism (Vol. 21, No. 4, pp. 263-282). Routledge.
Swearer, D. K. (2010). The Buddhist World of Southeast Asia. State University of New York Press.
Tiyavanich, K. (1997). Forest Recollections: Wandering Monks in Twentieth-Century Thailand. University of Hawaii Press.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2024 Interdisciplinary Academic and Research Journal

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ