การพัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยเทคนิคแอทลาส เรื่องสารในชีวิตประจำวันเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
DOI:
https://doi.org/10.60027/iarj.2023.270918คำสำคัญ:
การเรียนรู้ด้วยเทคนิคแอทลาส: , การพัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้บทคัดย่อ
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: การใช้เทคนิคแอทลาสในการสอนและการเรียนมีประโยชน์มากในการกระตุ้นความรู้และความเข้าใจของนักเรียนในรายวิชาวิทยาศาสตร์ นอกจากการทดลองและกิจกรรมที่เน้นการมีส่วนร่วมของนักเรียนแล้ว การใช้เทคโนโลยีในการสอนเป็นส่วนสำคัญของแอทลาส เช่นการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อจำลองการทดลองหรือการนำเสนอผลงานผ่านสื่อออนไลน์ เทคโนโลยีช่วยให้การสอนเป็นไปอย่างเพิ่มประสิทธิภาพและน่าสนใจ ดังนั้นการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์การวิจัย 1) เพื่อพัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค แอทลาส เรื่องสารในชีวิตประจำวัน ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคแอทลาส เรื่องสารในชีวิตประจำวัน ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคแอทลาส เรื่องสารในชีวิตประจำวัน ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียนวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคแอทลาส เรื่องสารในชีวิตประจำวัน ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ระเบียบวิธีการวิจัย: กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านเหล่ายูง ตำบลโคกล่าม อำเภอจตุรพัตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวน 24 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบแบบ t–test (Dependent Samples)
ผลการวิจัย: (1) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคแอทลาส เรื่องสารในชีวิตประจำวัน ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 84.55/81.52 (2) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคแอทลาส เรื่องสารในชีวิตประจำวัน ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ .5345 แสดงว่า มีความก้าวหน้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 53.45 (3) นักเรียนที่เรียนโดยใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคแอทลาส เรื่องสารในชีวิตประจำวัน ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (4) นักเรียนที่เรียนโดยใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคแอทลาส เรื่อง สารในชีวิตประจำวัน ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
สรุปผล: การใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคแอทลาสเกี่ยวกับสารในชีวิตประจำวันในชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความประสิทธิภาพเฉลี่ยเท่ากับ 84.55/81.52 และมีดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ .5345 ที่บ่งชี้ถึงความก้าวหน้าที่ดีขึ้นร้อยละ 53.45 นอกจากนี้ นักเรียนที่ใช้แผนดังกล่าวมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และมีความพึงพอใจโดยรวมในระดับมากที่สุด
References
กระทรวงศึกษาธิการ. (2557). แนวทางการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ด้วยเทคนิคแอทลาส. กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ.
คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (2563). คู่มือการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ด้วยเทคนิคแอทลาส. กรุงเทพฯ: คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ดลฤดี ไชยศิริ. (2563).การส่งเสริมแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้การเรียนรู้แบบผสมผสานร่วมกับแนวคิด เกมิฟิเคชัน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนผดุงนารี. การประชุมวิชาการผลงานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ 21 วันที่ 27 มีนาคม 2563 ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
วันเทา มลาศรี. (2561). การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องสารในชีวิตประจำวันโดยใช้กระบวนการ การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, บุรีรัมย์.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2557). ความรู้เบื้องต้นสะเต็ม. กรุงเทพฯ: สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกระทรวงศึกษาธิการ.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2561). คู่มือการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ด้วยเทคนิคแอทลาส. กรุงเทพฯ: สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.
สำเนียง พุทธา. (2550). การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง สารเคมีที่เป็นพิษในอาหารสำหรับนักเรียน ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1. การศึกษาค้นคว้าอิสระ.มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, มหาสารคาม.
สุภาภรณ์ ฤมิตร. (2561). แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใชการบูรณาการ แนวคิด CCR เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง สารในชีวิตประจําวัน ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2. มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร, กำแพงเพชร.
Caceffo, R., Gama, G.A.R., & Azevedo, R. (2018). Exploring Active Learning Approaches to Computer Science Classes. 922-927. doi: 10.1145/3159450.3159585
Partanen, L., & Partanen, L. (2018). Student-centered active learning approaches to teaching quantum chemistry and spectroscopy: quantitative results from a two-year action research study. Chemistry Education Research and Practice, 19(3),885-904. doi: 10.1039/C8RP00074C
Wang, H. (2023). Research on Smart Classroom Teaching Based on Learning Science. Science Insights Education Frontiers, 15(1),6-6. doi: 10.15354/sief.23.s1.ab006
Zhou, Y. (2022). Teaching Mixed Methods Using Active Learning Approaches. Journal of Mixed Methods Research, 155868982211205-155868982211205. doi: 10.1177/15586898221120566
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2023 Piyathida Duangkamchan, Phusit Boonthongteng

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ