ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการบริหารงานบุคคลในยุคดิจิทัลของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1
DOI:
https://doi.org/10.60027/iarj.2025.285431คำสำคัญ:
ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง, ประสิทธิผล, การบริหารงานบุคคล, ยุคดิจิทัลบทคัดย่อ
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: การบริหารงานบุคคลนั้นมีความสำคัญและจำเป็นต่อการปฏิบัติงานของบุคลากร เพราะจะส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน อีกทั้ง ส่งผลต่อความเชื่อมั่นและการยอมรับจากผู้ปกครองและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง หากบุคคลากรต้องได้รับการพัฒนาดูแลในทิศทางที่ถูกต้องและเหมาะสม ก็จะทำให้การบริหารงานของสถานศึกษารวมทั้งการพัฒนาผู้เรียนให้ประสบความสำเร็จ การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1 2) ศึกษาประสิทธิผลการบริหารงานบุคคลในยุคดิจิทัลของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1 3) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงกับประสิทธิผลการบริหารงานบุคคลในยุคดิจิทัลของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1 และ 4) สร้างสมการพยากรณ์ประสิทธิผลการบริหารงานบุคคลในยุคดิจิทัลของสถานศึกษา โดยใช้ปัจจัยภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงเป็นตัวพยากรณ์
ระเบียบวิธีการวิจัย: กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1 จำนวน 198 คน ใช้วิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือแบบสอบถามแบบมาตรประมาณค่า 5 ระดับ คุณภาพของแบบสอบถามด้านภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงมีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.20-0.73 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.945 ด้านประสิทธิผลการบริหารงานบุคคลมีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.23-0.78 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.967 สถิติที่ใช้ในกรวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ การวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณปกติ และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน
ผลการวิจัย: พบว่า (1) ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1 โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (2) ประสิทธิผลการบริหารงานบุคคลในยุคดิจิทัลของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1 โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (3) ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงกับประสิทธิผลการบริหารงานบุคคลในยุคดิจิทัลของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1 โดยรวมพบว่า มีความสัมพันธ์เชิงบวก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ทุกด้าน และ(4) การพยากรณ์ประสิทธิผลการบริหารงานบุคคลในยุคดิจิทัลของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1 พบว่ามีตัวแปรที่สามารถพยากรณ์ประสิทธิผลการบริหารงานบุคคลในยุคดิจิทัลของสถานศึกษาได้ 2 ตัวแปรคือด้านการคำนึงถึงความเป็นปัจเจกบุคคล และด้านการสร้างแรงบันดาลใจ ซึ่งตัวแปรทั้ง 2 ด้านนี้ สามารถร่วมกันพยากรณ์ประสิทธิ์ผลการบริหารงานบุคคลในยุคดิจิทัลของสถานศึกษาได้ร้อยละ 70.4 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
สรุปผล: ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้สถานศึกษาสามารถปรับตัวและพัฒนาการบริหารงานบุคคลให้เหมาะสมกับยุคดิจิทัล ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้บุคลากรเปิดรับการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยี ซึ่งส่งผลให้กระบวนการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ เช่น ระบบสารสนเทศด้านการบริหารงานบุคคล การเรียนรู้ออนไลน์ และการสื่อสารผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล ช่วยลดภาระงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการบุคลากรในสถานศึกษา ดังนั้น ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนสถานศึกษาให้สามารถพัฒนาและปรับตัวให้ทันกับยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิผล
เอกสารอ้างอิง
เก็จกนก พลวงค์. (2564). ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงกับประสิทธิผลการบริหารงานบุคคลของผู้บริหารโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 1. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.
จรัญ น้อยพรหม, มาลี ไชยเสนา, & สมาน อัศวภูมิ. (2562). รูปแบบการบริหารงานบุคคลที่มีประสิทธิผลของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น, 16(1), 88-95.
ทิพยงค์ รักษาสิน, ลินดา นาคโปรย, &สายฝน เสกขุนทด. (2021). ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการบริหารงานบุคคลของสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดฉะเชิงเทรา. วารสารวิชาการวิทยาลัยบริหารศาสตร์, 4(4), 31-47.
บุญชม ศรีสะอาด. (2560). การวิจัยเบื้องต้น ฉบับปรับปรุงใหม่. พิมพ์ครั้งที่ 10. กรุงเทพฯ: บริษัท สุวีริยาสาส์น จำกัด.
ผุสดี จิรนากุล. (2562). ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงกับประสิทธิผลการบริหารงานบุคคลของผู้บริหารสถานศึกษาในอำเภอแม่ฟ้าหลวง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถม ศึกษาเชียงราย เขต 3. Doctoral dissertation, มหาวิทยาลัย พะเยา.
พระมหาปริญญา เตชปัญฺโญ (ปราบ ชมพู). (2564). การบริหารงานบุคคลในยุคดิจิทัล. วารสารการสอนสังคมศึกษา, 3(2),185-195.
พวงรัตน์ ทวีรัตน์. (2550). วิธีการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์. (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพมหานคร: สำนักทดสอบการศึกษาและจิตวิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
ลลิตา สมใจ. (2565). การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำในยุคดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 1. วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยพะเยา.
ลักขณา สักเข็มหาร, พรเทพ เสถียรนพเก้า, & วัลนิกา ฉลากบาง. (2020). ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครูในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษาจังหวัดนครพนม. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยการจัดการและ เทคโนโลยีอีสเทิร์น, 17(2), 1-12.
วิภาดา สารัมย์ (2562). การบริหารงานบุคคลของผู้บริหารสถานศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี.
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1 (2565). แผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน (2566-2570) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1. กำแพงเพชร: สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1.
อุมาวดี วัฒนะนุกูล. (2560). ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลาเขต 1 อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา. การค้นคว้าอิสระ ครุศาสตรมหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา.
Bass, B.M., & B.J. Avolio. (1994). Transformational Leadership Development. Pola Alto, California: Consulting Psychologists Press.
Hoy & Miskel. (2012). Educational administration: Theory, research, and practice. (6th ed), Boston: McGraw - Hall.
Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607–610.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Interdisciplinary Academic and Research Journal

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์ในบทความใดๆ ใน Interdisciplinary Academic and Research Journal ยังคงเป็นของผู้เขียนภายใต้ ภายใต้ Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้ใดๆ เพื่ออ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็ม รวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือด้วยเจตนาที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจใดๆ





