The Study of Learning Achievement and Retention in Learning Language Principles, Parts of Speech by Using Flipped Classroom for Undergraduates in Elementary Education Program, Ramkhamhaeng University

Authors

  • Thayida Lertchanadecha Curriculum and Instruction, Demonstration School (Elementary Level), Faculty of Education, Ramkhamhaeng University, Thailand https://orcid.org/0009-0000-2161-0818

DOI:

https://doi.org/10.60027/iarj.2024.276926

Keywords:

Flipped Classroom; , Learning Achievement;, Learning Retention

Abstract

Background and Aims: The purposes of this study were: 1) to compare the language learning achievement of the parts of speech before and after the instruction using the flipped classroom approach; 2) to compare the language learning retention of the parts of speech after abrupt instruction using the flipped classroom and after 2 weeks of instruction; and 3) to study the students’ satisfaction with the language learning instruction of the parts of speech using the flipped classroom approach.

Methodology: Moreover, the samples in this study were 35 students who studied in the second semester, the academic year 2023, in the Bachelor of Education program in elementary education, Faculty of Education, Ramkhamhaeng University. The research instruments were 1) the lesson plan using the flipped classroom approach, 2) the achievement test of the language principles, and 3) the form for evaluating satisfaction with the instruction using the flipped classroom approach. Data analysis by finding the mean, standard deviation, and t-test dependent.

Results: It was found that 1) the student’s achievement score after the instruction using the flipped classroom was significantly higher than before the instruction at the .05 level. 2) The retention score of the parts of speech after abrupt instruction using the flipped classroom was not significantly higher than after 2 weeks of instruction at the .05 level. 3) The mean of the students’ satisfaction toward the language learning instruction of the parts of speech using the flipped classroom approach was at a high level. Furthermore, the highest mean score was the instructional part, which was in a high level, the second highest score was the content part which was at a high level, and the lowest mean score was the assessment and evaluation which was at a high level. Consequently, it can be concluded that learning using a flipped classroom helped the bachelor’s degree students increase their language learning achievement score and retention of the parts of speech. This approach improved their knowledge searching, critical thinking, and social skills,  which will be adapted to their lives in the future.

Conclusion: Consequently, it can be concluded that learning using a flipped classroom helped the bachelor’s degree students increase their language learning achievement score and retention of the parts of speech. This approach improved their knowledge searching, critical thinking, and social skills,  which will be adapted to their lives in the future.

References

กนิษฐา ศรีอเนก. (2565). ความคงทนในการเรียนรู้ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือในรายวิชาระบบคอมพิวเตอร์และดิจิทัล. วารสารวิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย, 12(1), 54-61.

กิตติพงษ์ พุ่มพวง และทิพรัตน์ สิทธิวงศ์. (2561). การพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้านร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือสำหรับนิสิตระดับอุดมศึกษา. วารสารศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร. 20(2), 1-11.

จริยา วิไธสง. (2555). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความคงทนในการเรียนรู้ เรื่องการแจกลูกและสะกดคำของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะและการเรียนแบบปกติ. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต : มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์.

จันทิมา ปัทมธรรมกุล. (2556). ทำความรู้จักกับ Flipped Classroom. Retrieved on 25 November 2023 from http://www.c4ed.kmutt.ac.th/q=flippedclassroom

ชนิสรา เมธภัทรหิรัญ. (2560). ห้องเรียนกลับด้าน (Flipped Classroom) กับการสอนคณิตศาสตร์. สสวท, 46(209), 20-22.

ดวงจินดา เย็นจะบก. (2550). ผลของการใช้กลวิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือเพื่อเพิ่มพูนความเข้าใจ ในการอ่านภาษาอังกฤษและความคงทนในการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต : มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์.

ทิศนา แขมมณี. (2560). ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

นภาไล ตาสาโรจน์. (2553). การเปรียบเทียบทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจและ ความคงทนในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระหว่างวิธีสอนโดยใช้ผังกราฟิกกับวิธีสอนตามครูมือครู. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต : มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

น้ำผึ้ง ยาฉ่ำ. (2550). ผลสัมฤทธิ์และความคงทนในการเรียนรู้การสะกดคำศัพท์ภาษาอังกฤษโดยใช้เกมในการจัดการเรียนรู้ของนักเรียนช่วงชั้นที่ 1. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต: มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร.

บุญชม ศรีสะอาด. (2554). การวิจัยเบื้องต้น. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.

ปริยาภรณ์ ตั้งคุณานันต์. (2557). การจัดการห้องเรียนและแหล่งเรียนรู้. กรุงเทพฯ: มีน เซอร์วิส ซัพพลาย.

ปัญจลักษณ์ ถวาย. (2560). การศึกษาผลสัมฤทธิ์และความคงทนในการจําคําศัพท์ภาษาอังกฤษของนักศึกษาคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร. มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี.

พรพร โยธาวงษ์. (2561). ผลสัมฤทธิ์จากการเรียนแบบห้องเรียนกลับด้านร่วมกับการสอนแบบบรรยายในวิชาการจัดการฟาร์ม ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิชาการจัดการเทคโนโลยีฟาร์ม. วารสารปัญญาภิวัฒน์, 10, 252-261.

พันทิพา อมรฤทธิ์, ศรัญญา จุฬารี, ศุทธินี ศรีสวัสดิ์, และพงษ์ศักดิ์ วิทยาเกียรติ. (2564). การศึกษารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้าน สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี.

พิชิต ฤทธิ์จรูญ. (2552). หลักการวัดและประเมินผลการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 5. เฮ้าส์ ออฟ เคอร์มิสท์.

เพชร วิจิตรนาวิน. (2551). ผลของการใช้รูปแบบการเรียนรู้คำศัพท์ที่มีต่อความเข้าใจในการอ่านวรรณคดีและความคงทนในการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

มัณฑนา สุขสงค์. (2563). การพัฒนาความสามารถด้านการอ่านจับใจความและความคงทนในการเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่น โดยการจัดกิจกรรมการอ่านแบบ DR-TA สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

เมธา อึ่งทอง, ผดุงชัย ภู่พัฒน์ และชิตพล มังคลากุล. (2561). การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้านเพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาหลักวิชาชีพครู. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยธนบุรี. 12, 82-92.

เยาวดี รางชัยกุล วิบูลย์ศรี. (2554). การวัดและการสร้างแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์. สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

รัฐสภา แก่นแก้ว, ณรงค์ สมพงษ์ และณัฐพล รําไพ. (2563). การพัฒนารูปแบบห้องเรียนกลับด้านด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะการสร้างสรรค์ผลงานของนักศึกษาด้านนิเทศศาสตร์ในระดับปริญญาตรี. วารสารชุมชนวิจัย มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา. 14(2), 189-203.

รุ่งนภา นุตราวงศ์. (2557). ห้องเรียกลับด้าน (Flipped Classroom). วารสารวิชาการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, 17(1), 1-13.

ล้วน สายยศ และ อังคณา สายยศ. (2553). เทคนิคการวิจัยทางการศึกษา. พิมพ์ครังที 11. สุวีริยาสาส์น.

วรวิทย์ ไชยวงศ์คต. (2551). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การคิดเชิงวิพากษ์และความคงทนในการเรียนรู้ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ระหว่างการเรียนด้วยบทเรียนบนเครือข่ายที่มีรูปแบบการเรียนร่วมมือแบบแข่งขันระหว่างกลุ่มด้วยเกมกับการเรียนแบบปกติ. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

วิจารณ์ พานิช. (2556). วิถีสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ในศตวรรษที่ 21. มูลนิธิสดศรี สกฤษดิ์วงศ์.

สุพินดา ณ มหาชัย. (2556). Flipped Classroom ห้องเรียนกลับด้าน สพฐ-ให้เรียนที่บ้านทำการบ้านที่ ร.ร. Retrieved on 12 November 2023 from: http://www.kornchadluek.net/detail/20130503/157502/FilppedClassroom

สุรศักดิ์ คำสง. (2562). ผลการใช้วิธีสอนแบบ SQ4R ที่มีต่อความเข้าใจในการอ่านภาษาอังกฤษและความคงทนในการเรียนรู้ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.

สุรศักดิ์ ปาเฮ. (2556). ห้องเรียนกลับทาง: ห้องเรียนมิติใหม่ในศตวรรษที่ 21. Retrieved on 2 November 2023 from phd.mbuisc.ac.th/academic/flijpped%o20classroom2.pdf

อรนุช ศรีสะอาด. (2553). พื้นฐานวิจัยการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 6. ประสานการพิมพ์.

Bergmann, J., & Sams, A. (2012). Flip Your Classroom: Reach Every Student in Every Class Every Day. International Society for Technology in Education.

Bishop, J.L., & Verleger, M.A. (2013). The Flipped Classroom: A Survey of the Research. 120th American Society for Engineering Education Annual Conference and Exposition, 30, 1-18.

Butt, A. (2014). Student Views On The Use Of A Flipped Classroom Approach: Evidence From Australia, Business Education and Accreditation, The Institute for Business and Finance Research, 6(1), 33-43.

Dunn, J. (2014). The 6-step guide to flipping your classroom. Retrieved from https://medium.com/@jdunns4/the-6-step-guide-to-flipping-your-classroomd721878f85c1

Fulton, K. (2012) Upside Down and Inside Out: Flip Your Classroom to Improve Student Learning. Learning & Leading with Technology, 39, 12-17.

Gagne, R.M. (1977). The conditions of learning. 3rd Edition. New York: Holt, Rinehart, and Winston.

Good, C.V. (1973). Dictionary of Education. New York: McGraw-Hill book company.

Gronlund, N.E. (1993). How to Make Achievement Tests and Assessments. 5th Edition. Boston: Allyn and Bacon.

Herreid, C.F., & Schiller, N.A. (2013). Cade studies and the flipped classroom. Journal of College Science Teaching, 42(5), 62-66.

Johnson, L. (2013). Effect of the flipped classroom model on a secondary computer application course: Student and teacher perceptions, question and student achievement. Master’s thesis: University of Louisville.

Seery, M. K. (2015). Flipped learning in higher education chemistry: emerging trends and potential directions. Chemistry Education Research and Practice, 16(4), 758-768.

Strayer, J. (2012). The Effects of the Classroom Flip on the Learning Environment: A comparison of learning Activity in a Traditional Classroom and a Flip Classroom That Used an Intelligent Tutoring System. Doctoral dissertation: The Ohio State University.

Teng, F. (2016). The Effects of Context and Word Exposure Frequency on Incidental Vocabulary Acquisition and Retention Through Reading. The Language Learning Journal, 47(2), 145-158.

Tenneson, M., & McGlasson, B. (2006). The Classroom Flip, PowerPoint Resentation. Fontbonne University.

Thorndike, R.M. (1978). Correlation Procedures for Research. New York: Gardner Press.

Wang, X.-H., Wang, J.-P., Wen, F.-J., wang, J., & Tao, J.-Q. (2016). Exploration and Practice of Blended Teaching Model Based Flipped Classroom and SPOC in Higher University. Journal of Education and Practice, 7(10), 99-104.

Wehmeier. (2000). OXFORD Advanced Learner’s Dictionary. Sixth edition. OXFORD University Press.

Yeung, K., & O'Malley, P.J. (2014). Making 'The Flip' Work: Barriers to and Implementation Strategies for Introducing Flipped Teaching Methods into Traditional Higher Education Courses. New Directions, 10(1), 59-63.

Zhou, G., & Jiang. X. (2014). Theoretical research and instructional design of the Flipped classroom. Applied Mechanics & Materials. 543-547, 4312-4315. https://doi.org/10.4028/www.scientific.net/AMM.543-547.4312

Downloads

Published

2024-05-21

How to Cite

Lertchanadecha, T. (2024). The Study of Learning Achievement and Retention in Learning Language Principles, Parts of Speech by Using Flipped Classroom for Undergraduates in Elementary Education Program, Ramkhamhaeng University. Interdisciplinary Academic and Research Journal, 4(3), 23–42. https://doi.org/10.60027/iarj.2024.276926

Issue

Section

Articles