การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยเบาหวานในชุมชนของหน่วยบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ เขตสุขภาพที่ 10

Main Article Content

อมรรัตน์ สุขเลิศ
จินตนา จุลทัศน์

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา (1) ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการดูแลผู้ป่วยเบาหวานในชุมชนของหน่วยบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ เขตสุขภาพที่ 10 (2) วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยที่ส่งผลต่อการดูแลผู้ป่วยเบาหวานในชุมชนของหน่วยบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ เขตสุขภาพที่ 10  และ (3) วิเคราะห์สมการถดถอยพหุคูณ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือ ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่อยู่ในการดูแลของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล สังกัดเขตสุขภาพที่ 10 จำนวน  400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถามชนิดมาตรส่วนประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าความตรงตามเนื้อหาเท่ากับ .80-1.00 และค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.88 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน  ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สันและการวิเคราะห์ถดถอยแบบ enter และ stepwise


              ผลการวิจัยพบว่า (1) ปัจจัยที่ส่งผลต่อการดูแลผู้ป่วยเบาหวานในชุมชนกลุ่มระดับน้ำตาลสะสมในเลือดล่าสุด (HbA1C)  ต่ำกว่า 7และกลุ่มสูงกว่า 7 ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก  (2)  ปัจจัยที่ส่งผลต่อการดูแลผู้ป่วยเบาหวานในชุมชนของหน่วยบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ เขตสุขภาพที่ 10 มีความสัมพันธ์ทั้งบวกและลบ และมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่าง             -.718 ถึง .903 (3) ปัจจัยที่พยากรณ์ปัจจัยที่มีผลต่อการดูแลผู้ป่วยเบาหวานกลุ่ม HbA1C ต่ำกว่า 7  มี 3 ตัวแปร ได้แก่ การดูแลตนเองด้านการบริโภคอาหาร, การดูแลตนเองด้านการออกกำลังกาย, การสนับสนุนจากบุคลากรในการดูแลและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดค่าอำนาจการพยากรณ์ร้อยละ 13.5  และกลุ่ม HbA1C สูงกว่า 7 มี 4 ตัวแปร ได้แก่ การดูแลควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด, การดูแลตนเองด้านการบริโภคอาหาร, รับรู้โอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรค, การสนับสนุนจากบุคลากรในการดูแลและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ค่าอำนาจการพยากรณ์ร้อยละ 22.2 


 

Article Details

บท
บทความวิจัย (Research article)

References

กีรติ กิจธีระวุฒิวงษ์, จุฑากานต์ กิ่งเนตร , ชนานันท์ แสงปากและนงนุช วงศ์สว่าง. (2560). “ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการจัดการโรคเบาหวานของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2”. วารสารพยาบาลทหารบก. 18(3); 192-200.
จุฬาภรณ์ พูลเอี่ยม และสุทธิพล อุดมพันธุรัก. (2557) . “การคำนวณขนาดตัวอย่างด้วยวิธีของ Taro Yamane”. วารสารการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม. 37(1); 33-36.
เจษฎากร โนอินทร์, ทิพย์วาที มีจันโท, สุกัญญา กัญศรีและพิสิษฐ์ พูลประเสริฐ. (2560). “พฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวานในเขตพื้นที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลพลายชุมพล อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก”. ใน
รายงานการประชุมวิชาการ การนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ เครือข่ายบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏภาคเหนือ ครั้งที่ 17 ณ ศูนย์วัฒนธรรมภาคเหนือตอนล่าง มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม. หน้า 2651-2663.
บุญชม ศรีสะอาด. (2556). วิธีการทางสถิติสำหรับการวิจัย เล่มที่ 1. (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาสน์.
ประจักษ์ ปฏิทัศน์. (2560). “การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือวิจัย”. ใน เอกสารประกอบการฝึกอบรมการสร้างนักวิจัยรุ่นใหม่. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา.
วิมลรัตน์ บุญเสถียร. (2557). การจัดการตนเองในผู้ที่เป็นเบาหวาน: กระบวนการของแต่ละบุคคล. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ. 32(4); 18-24.
สำนักงานเขตสุขภาพที่ 10. (2560). จำนวนและอัตราผู้ป่วยในด้วยโรคเบาหวาน .สืบค้นเมื่อ ธันวาคม 2560
จาก www. region10pihp.org.
สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค. (2560). รูปแบบการบริหารการป้องกันควบคุมโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
สุจิตรา บุญประสิทธิ์, สิริลักษณ์ โสมานุสรณ์และชมนาด สุ่มเงิน. (2559). “ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการจัดการตนเองในการควบคุมระดับน้ำตาล ในเลือดของผู้สูงอายุโรคเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้”. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี กรุงเทพ. 32(1); 44-56.
สุทิน ชนะบุญ. (2560). “การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงอนุมาน”. ใน สถิติและการวิเคราะห์ข้อมูลในงานวิจับเบื้องต้น. ขอนแก่น : สำนักงานสาธารณสุขขอนแก่น.
สุนทรี สุรัตน์, กิตติ ศศิวิมลลักษณ์, เกวลี เครือจักรและวิโรจน์ มงคลเทพ. (2559). “ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวานในพื้นที่อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงรายW. วารสารพัฒนาชุมชนและคุณภาพชีวิต. 4(2); 297-307.
อุระณี รัตนพิทักษ์, กีรดา ไกรนุวัตร,อภิรดี ศรีวิจิตรกมลและจุฑาทิพย์ วิภาวัฒนะ. (2556). “ผลของโปรแกรมการจัดการเบาหวานด้วยตนเองต่อความรู้พฤติกรรมและดัชนีสุขภาพในผู้เป็นเบาหวานชนิดที่ 2”. Journal of Nursing Science. 31(1); 8-18.