ปัจจัยจูงใจและปัจจัยค้ำจุนที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของบุคลากรสรรพสามิต สังกัดสำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 9
คำสำคัญ:
ปัจจัยจูงใจ, ปัจจัยค้ำจุน, ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานบทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1. ศึกษาระดับประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของบุคลากรสรรพสามิต สังกัดสำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 9 2. ศึกษาปัจจัยจูงใจที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของบุคลากรสรรพสามิต สังกัดสำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 9
3. ศึกษาปัจจัยค้ำจุนที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของบุคลากรสรรพสามิต สังกัดสำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 9 ซึ่งผู้วิจัยได้ใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลแบบสุ่มตัวอย่างอย่างง่าย ด้วยวิธีการจับสลากแบบไม่ใส่คืน โดยกลุ่มตัวอย่าง คือ บุคลากรสรรพสามิต สังกัดสำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 9 ในพื้นที่ 7 จังหวัด คือ สงขลา ตรัง สตูล พัทลุง ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส โดยวิธีการสุ่มตัวอย่างง่าย จำนวน 213 คน ซึ่งผู้วิจัยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และใช้สถิติเชิงอนุมานโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์ถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน เพื่อทดสอบอิทธิพลของตัวแปรปัจจัยจูงใจ และปัจจัยค้ำจุนที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของบุคลากรสรรพสามิต สังกัดสำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 9 โดยสามารถร่วมกันพยากรณ์ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของบุคลากรสรรพสามิต ได้ถึงร้อยละ 96.0 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001
ผลการวิจัยพบว่า ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของบุคลากรสรรพสามิต สังกัดสำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 9 ส่งผลอยู่ในระดับมากที่สุด ทั้งด้านคุณภาพของงาน ด้านปริมาณงาน ด้านเวลาที่ใช้ในงาน และด้านค่าใช้จ่าย อีกทั้งปัจจัยจูงใจ ด้านความก้าวหน้าในหน้าที่ และด้านความสำเร็จของงาน ส่งผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของบุคลากรสรรพสามิต แต่ปัจจัยจูงใจ ด้านการได้รับการยอมรับ ด้านลักษณะของงานที่ทำ และด้านความรับผิดชอบ ไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของบุคลากรสรรพสามิต สังกัดสำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 9 รวมไปถึงปัจจัยค้ำจุน ด้านความสัมพันธ์ระหว่างผู้บังคับบัญชา และด้านการปกครองบังคับบัญชา ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของบุคลากรสรรพสามิต แต่ปัจจัยค้ำจุน ด้านค่าตอบแทน และสวัสดิการ ด้านนโยบายและการบริหารงาน ด้านสภาพการทำงาน และด้านความมั่นคงในการทำงาน ไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของบุคลากรสรรพสามิต สังกัดสำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 9
เอกสารอ้างอิง
กรมสรรพสามิต. (2566). ภารกิจและอำนาจหน้าที่ของกรมสรรพสามิต. สืบค้น 6 กรกฎาคม 2566, จาก https://newweb.excise.go.th/aboutexcise/mission-and-authority
ฆฬิสา สุธดาอนันตโภคิน. (2564). ปัจจัยจูงใจและปัจจัยค้ำจุนที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงานธนาคารอาคารสงเคราะห์ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยปทุมธานี, 13(1), 23-38.
ชัชรินทร์ ทองหม่อมราม และบุญอนันต์ พินัยทรัพย์. (2562). เรื่องแรงจูงใจที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของบุคลากร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในอำเภอเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี. วารสารการเมืองการปกครอง, 11(1), 118-139.
ณัฐวัตร เป็งวันปลูก. (2560). ปัจจัยจูงใจที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน ของข้าราชการทหารประจำสังกัดกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 7 (ค้นคว้าอิสระบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการ). เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่.
ภัตราพร ชนะการณ์. (2561). ปัจจัยที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของบุคลากรโรงพยาบาลบางกล่ำ อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา (สารนิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาการจัดการภาครัฐและภาคเอกชน). สงขลา: มหาวิทยาลัยหาดใหญ่.
วัชระ แย้มชู. (2563). ปัจจัยที่ส่งผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของพนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำนักงานใหญ่ (ค้นคว้าอิสระบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการ). กรุงเทพมฯ: มหาวิทยาลัยเกริก.
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนข้าราชการพลเรือน. (2566). ข้าราชการไทยกับการขับเคลื่อนสู่ประเทศไทย 4.0. สืบค้น 5 กรกฎาคม 2566, จาก https://shorturl.asia/LKXTs
อทิติ เพ่งพิโรจ. (2565). ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงานส่วนตำบล จังหวัดนราธิวาส (สารนิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์). สงขลา: มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
Burns, S. & Grove, K. (1997). The Practice of Nursing Research. USA: W.B Saunders.
Yamane, T. (1973). Statistics: An Introductory Analysis (3rd ed.). Harper and Row, New York.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ภาพหรือตารางหรือเนื้อหาอื่นๆ ของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้งแสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์ หากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดเบื้องต้น ทางวารสารจะถอดบทความของท่านออกโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น

