การพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในที่ส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ของครูผู้สอน สำหรับโรงเรียนสุวรรณคูหาพิทยาสรรค์
คำสำคัญ:
สมรรถนะครูผู้สอน, สมรรถนะผู้เรียน, กระบวนการนิเทศภายในบทคัดย่อ
บทความวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1. ศึกษาสภาพการนิเทศภายในและการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูผู้สอน 2. สร้างรูปแบบการนิเทศภายในที่ส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูผู้สอน และ 3. ศึกษาผลการใช้รูปแบบการนิเทศภายในที่ส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูผู้สอน 4. ประเมินรูปแบบการนิเทศภายในที่ส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูผู้สอน โดยใช้การวิจัยและพัฒนา แบ่งเป็น 4 ระยะ ได้แก่ การสำรวจข้อมูลพื้นฐาน การสร้างและพัฒนารูปแบบ การนำไปใช้และตรวจสอบคุณภาพ และการประเมินรูปแบบการนิเทศภายใน กลุ่มตัวอย่างได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจงจากโรงเรียนสุวรรณคูหาพิทยาสรรค์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเลย หนองบัวลำภู เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย รูปแบบการนิเทศภายใน แบบประเมินสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก แบบประเมินสมรรถนะการรวมพลังทำงานเป็นทีม แบบสังเกตการสอน แนวทางการสนทนากลุ่มและแบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพื้นฐานและการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการนิเทศภายในที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วย 7 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ หลักการ วัตถุประสงค์ กลไกการดำเนินการ เนื้อหาการนิเทศภายใน กระบวนการนิเทศภายใน การประเมินรูปแบบ และเงื่อนไขของความสำเร็จ โดยกระบวนการนิเทศภายในใช้ ADORE Model ซึ่งประกอบด้วย 5 ขั้นตอน คือ การวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน การออกแบบการเรียนรู้ การเยี่ยมชั้นเรียน การสะท้อนผล และการประเมินผล ผลการนำรูปแบบไปใช้พบว่า ครูผู้สอนมีสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกเพิ่มขึ้นจากระดับเริ่มต้นฝึกหัดเป็นชำนาญการและผู้เรียนมีสมรรถนะการรวมพลังทำงานเป็นทีมสูงขึ้นจากระดับเริ่มต้นเป็นบรรลุตามเป้าหมายผลการประเมินรูปแบบพบว่า ผู้เกี่ยวข้องมีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด รูปแบบการนิเทศภายในที่พัฒนาขึ้นสามารถเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และพัฒนาทักษะการนิเทศภายในให้แก่บุคลากรทุกฝ่าย อีกทั้งยังได้รับการยอมรับและสามารถนำไปปรับใช้ในบริบทที่แตกต่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เอกสารอ้างอิง
จรัญ น่วมมะโน. (2562). การพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในเพื่อพัฒนาสมรรถนะครูในการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ สำหรับโรงเรียนมัธยมศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ดุษฎีนิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการนิเทศการศึกษา). มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
ทิศนา แขมมณี. (2565). ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ (พิมพ์ครั้งที่ 25). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พิมพันธ์ เดชะคุปต์. (2566). การเรียนรู้เชิงรุกเสริมสร้างสมรรถนะ. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ไพฑูรย์ สินลารัตน์. (2565). การศึกษา 4.0 เป็นยิ่งกว่าการศึกษา (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์.
รัศมี ภูกันดาน. (2562). การพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในโดยใช้ทีมเป็นฐานในโรงเรียนมัธยมศึกษา (ดุษฎีนิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการนิเทศการศึกษา). มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
วิจารณ์ พานิช. (2565). การเรียนรู้เชิงรุกเพื่อศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ: มูลนิธิสยามกัมมาจล.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2566). การนิเทศภายในสถานศึกษา. กรุงเทพฯ: หน่วยศึกษานิเทศก์.
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา. (2564). หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2564). แนวทางการจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเชิงรุก: ถอดบทเรียนจากแนวคิดสู่การปฏิบัติ. กรุงเทพฯ: บริษัท 21 เซ็นจูรี่.
สุธีระ ประเสริฐสรรพ์. (2564). คู่มือครูและแผนการสอนโครงงานเพาะพันธุ์ปัญญา. สงขลา: นำศิลป์โฆษณา.
อธิศ ไชยคิรินทร์. (2563). รูปแบบการนิเทศภายในโดยใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ สำหรับโรงเรียนมัธยมศึกษา (ดุษฎีนิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการนิเทศการศึกษา). มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ภาพหรือตารางหรือเนื้อหาอื่นๆ ของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้งแสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์ หากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดเบื้องต้น ทางวารสารจะถอดบทความของท่านออกโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น

