การพัฒนาตัวชี้วัดในการบริหารจัดการโครงการสังฆประชานุเคราะห์ ของคณะสงฆ์จังหวัดนนทบุรี
คำสำคัญ:
การพัฒนาตัวชี้วัด, การบริหารจัดการ, โครงการสังฆประชานุเคราะห์บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์คือ 1. เพื่อศึกษาระดับความคิดเห็นของประชาชน 2. เพื่อศึกษากระบวนการในการบริหารจัดการ 3. เพื่อนำเสนอการพัฒนาตัวชี้วัดในการบริหารจัดการโครงการสังฆประชานุเคราะห์ของคณะสงฆ์จังหวัดนนทบุรี ใช้ระเบียบวิธีการวิจัยเชิงผสานวิธี ระหว่าง การวิจัยเชิงคุณภาพ เก็บข้อมูลภาคสนามจากผู้ให้ข้อมูลสำคัญ 18 รูปหรือคน ได้ใช้แบบสัมภาษณ์เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล และการสนทนากลุ่มเฉพาะผู้ทรงคุณวุฒิ 10 รูปหรือคน วิเคราะห์เนื้อหาประกอบบริบท และการวิจัยเชิงปริมาณ ดำเนินการวิจัยโดยวิธีวิจัยเชิงสำรวจ เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 399 คน โดยใช้วิธีการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม เครื่องมือวิจัยที่ใช้เป็นแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า 1. ระดับความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารจัดการโครงการในภาพรวม มีค่าเฉลี่ย ( = 3.48) ซึ่งอยู่ในระดับปานกลาง 2. กระบวนการในการบริหารจัดการโครงการ ประกอบด้วย 4 กระบวนการ คือ กระบวนการบริหารงานบุคคล กระบวนการบริหารเงิน กระบวนการบริหารวัสดุอุปกรณ์ และกระบวนการบริหารจัดการ 3. การพัฒนาตัวชี้วัด ประกอบด้วย 1) มีความโปร่งใสในการบริหารโครงการและตรวจสอบได้ 2) มีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างชัดเจน 3) มีการประชาสัมพันธ์ข่าวสารอย่างทั่วถึง 4) มีความรับผิดชอบต่อคณะสงฆ์และสาธารณะ 5) มีการพัฒนาประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง 6) มีการอบรมให้ความรู้ และส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมเป็นประจำ 7) มีระบบและกลไกในการกลั่นกรองและช่วยเหลือประชาชนอย่างเท่าเทียม 8) มีการพัฒนาวัดให้เป็นแหล่งเรียนรู้และส่งเสริมอาชีพให้แก่ประชาชน 9) เป็นศูนย์กลางในการประสานงาน 10) มีการจัดตั้งมูลนิธิหรือกองทุนสนับสนุนโครงการ
เอกสารอ้างอิง
โครงการรักษาศีล 5. (2564). สรุปยอดคีย์ใบสมัครโครงการศีล 5. สืบค้น 2 พฤศจิกายน 2564, จาก https://www.sila5. com/report/
เฉลิมพล โสมอินทร์. (2546). ประวัติศาสตร์พุทธศาสนาและการปกครองคณะสงฆ์ไทย. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์สูตรไพศาล.
พระครูไพศาลวัฒนคุณ (สมพร ฐิตปุญฺโญ). (2557). ประสิทธิผลการจัดการงานสาธารณสงเคราะห์ของวัดในจังหวัดปทุมธานี (วิทยานิพนธ์ปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการเชิงพุทธ). พระนครศรีอยุธยา: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระครูอุดมปิยธรรม (เกรียงศักดิ์ ปิยธมฺโม). รูปแบบการจัดการสาธารณสงเคราะห์ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (วิทยานิพนธ์ปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการเชิงพุทธ). พระนครศรีอยุธยา: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระเทพปริยัติสุธี (วรวิทย์ คงฺคปญฺโญ). (2545). การคณะสงฆ์และการศาสนา. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระธรรมโกศาจารย์ (ประยูร ธมฺมจิตฺโต). (2549). พุทธวิธีการบริหาร. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระไพศาล ชิณช่าง. (2562). การพัฒนารูปแบบประสิทธิผลการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าคณะตำบลในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 9. วารสารสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, 6(1), 169-178.
พระราชรัตนาลงกรณ์ (พระพิศิษฐ์ สุวีโร) และคณะ. (2562). กระบวนการขับเคลื่อนการพัฒนาพฤติกรรมเชิงจริยธรรมด้วยแนวทางยุทธศาสตร์โครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 : กรณีศึกษาหมู่บ้านโนนยาง ตำบลนาดี อำเภอเฝ้าไร่ จังหวัดหนองคาย. วารสารสันติศึกษาปริทรรศน์ มจร, 7(5), 1233-1252.
พระเลิศพิพัฒน์ จนฺทปญฺโญ (แก้ววันทอง). (2554). บทบาทของพระสงฆ์ในสังคมโลกาภิวัตน์. วารสารการศึกษาและพัฒนาสังคม, 7(2), 6-16.
รุ่งรัตน์ หัตถกรรม และคณะ. (2560). การพัฒนาองค์ประกอบและตัวชี้วัดความสุขมวลรวมของการจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชน. วารสารสหวิทยาการจัดการ, 1(1), 99-108.
สมภาร ดอนจันดา และคณะ. (2556). ตัวชี้วัดความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจกึ่งแสวงหากำไร โดยประยุกต์ใช้หลักการบาลานซ์สกอร์การ์ด : กรณีศึกษาโครงการตามพระราชดำริ. วารสารเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, 3(6), 52-60.
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ. (2557). คู่มือการดำเนินงาน โครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา หมู่บ้านรักษาศีล 5. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ภาพหรือตารางหรือเนื้อหาอื่นๆ ของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้งแสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์ หากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดเบื้องต้น ทางวารสารจะถอดบทความของท่านออกโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น

