แนวทางการพัฒนาทักษะการพูดสื่อสารภาษาอังกฤษด้วย TPACK Model ทางภาษาศึกษาและการเรียนรู้ภาษาฐานโครงงาน สำหรับผู้เรียนยุคดิจิทัล

ผู้แต่ง

  • ลลิตตา ภักดีวานิช มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • จารุณี ทิพยมณฑล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • ชรินทร์ มั่งคั่ง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

คำสำคัญ:

รูปแบบความรู้เนื้อหาผนวกวิธีสอนและเทคโนโลยีทางภาษาศึกษา, ทักษะการพูดสื่อสารภาษาอังกฤษ, การเรียนรู้ภาษาฐานโครงงาน, ผู้เรียนยุคดิจิทัล

บทคัดย่อ

รูปแบบความรู้เนื้อหาผนวกวิธีสอนและเทคโนโลยีทางภาษาศึกษา (TPACK Model) เป็นกรอบแนวคิดสำคัญสำหรับครูผู้สอนภาษาอังกฤษในศตวรรษที่ 21 ทำให้ครูสามารถออกแบบนวัตกรรมการสอนภาษาอังกฤษได้ตามบริบทของตนเอง โดยได้อธิบายถึงเนื้อหา วิธีการสอน และเทคโนโลยีสำหรับครูผู้สอนภาษาอังกฤษประยุกต์ใช้ออกแบบการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอแนวทางการใช้ TPACK Model ทางภาษาศึกษาเพื่อออกแบบกระบวนการสอนสำหรับการพัฒนาทักษะการพูดสื่อสารภาษาอังกฤษ ซึ่งประกอบด้วยเทคนิคการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร การเรียนรู้ภาษาฐานโครงงาน และการใช้เทคโนโลยีในการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ผู้เขียนได้นำเสนอตัวอย่างการออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้วย TPACK Model เพื่อพัฒนาทักษะการพูดสื่อสารภาษาอังกฤษของผู้เรียนยุคดิจิทัล ซึ่งส่งเสริมทักษะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 เช่น ทักษะด้านความร่วมมือและการทำงานเป็นทีม ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และสารสนเทศและการสื่อสาร ทักษะด้านอาชีพและทักษะการเรียนรู้ ให้แก่ผู้เรียนในยุคดิจิทัลอย่างยั่งยืน

เอกสารอ้างอิง

จารุณี ทิพยมณฑล. (2563). การศึกษาภาษาสังคมและวัฒนธรรม. กรุงเทพฯ: จรัลสนิทวงศ์การพิมพ์.

ชนันภรณ์ อารีกุล. (2562). การศึกษาทางเลือก : รูปแบบการเรียนรู้ที่สำคัญสำหรับเจเนอเรชันแอลฟา. วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์, 8(3), 270-283.

ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์. (2559). 80 นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (พิมพ์ครั้งที่ 7). นนทบุรี: พี บาลานซ์ดีไซด์แอนปริ้นติ้ง.

ถนอมพร เลาหจรัสแสง. (2561). นวัตกรรมเทคโนโลยรสารสนเทศเพื่อการศึกษาในยุคการเรียนรู้ 4.0. เชียงใหม่: ตองสาม ดีไซน์.

ทิศนา แขมมณี. (2554). รูปแบบการเรียนการสอน : ทางเลือกที่หลากหลาย. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

แสงระวี ดอนแก้วบัว. (2558). ภาษาศาสตร์สำหรับครูสอนภาษาอังกฤษ. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

Bender, W. N. (2012). Project-Based Learning: Differentiating Instruction for the 21st Century. Retrieved March 20, 2022, from https://shorturl.asia/tuZ8K

Bueno, A., et al. (2006). TEFL in Secondary Education.Granada: Editorial Universidad de Granada.

Magana, S. (2017). Disruptive classroom technologies: a framework for innovation in education. Corwin, A SAGE Company.

Mishra, P., & Koehler, M. J. (2006). Technological pedagogical content knowledge: A framework for teacher knowledge. Teachers College Record, 108(6), 1017-1054.

Shamim A., et al. (2020). EXPLORING THE SIGNIFICANCE OF SPEAKING SKILL FOR EFL LEARNERS. PalArch’s Journal of Archaeology of Egypt/Egyptology, 17(9), 6019-6030.

Siemens, G. (2004). Connectivism A Learning Theory for the Digital Age. Retrieved January 17, 2022, from http://www.elearnspace.org/Aricles/

Sriprom, C., et al. (2019). Personality Traits of Thai Gen Z Undergraduates: Challenges in the EFL Classroom?, PASAA, 57, 165-190.

Vygotsky, L. S (1997). Thought and language. Alex Kozulin revies and edit. Cambridge: The M. I. I. Press

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2024-02-01

รูปแบบการอ้างอิง

ภักดีวานิช ล., ทิพยมณฑล จ., & มั่งคั่ง ช. (2024). แนวทางการพัฒนาทักษะการพูดสื่อสารภาษาอังกฤษด้วย TPACK Model ทางภาษาศึกษาและการเรียนรู้ภาษาฐานโครงงาน สำหรับผู้เรียนยุคดิจิทัล. วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์, 13(1), 436–447. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jssr/article/view/260310