การอบรมกล่อมเกลาทางการเมืองที่ส่งผลต่อพฤติกรรมประชาธิปไตยของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายอำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี
คำสำคัญ:
การกล่อมเกลาทางการเมือง, พฤติกรรมประชาธิปไตย, หลักสัปปุริสธรรม 7บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ศึกษาระดับการอบรมกล่อมเกลาทางการเมืองและพฤติกรรมประชาธิปไตย 2. ศึกษาความสัมพันธ์ของการอบรมกล่อมเกลาทางการเมืองและพฤติกรรมประชาธิปไตย และ 3. การประยุกต์หลักสัปปุริสธรรม 7 ในการส่งเสริมพฤติกรรมประชาธิปไตย เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี คือ การวิจัยเชิงปริมาณ เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่าง 285 คน การวิจัยเชิงคุณภาพ เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง จากการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ 12 รูป/คน
ผลการวิจัยพบว่า 1. นักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายในอำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี ได้รับการกล่อมเกลาทางการเมือง โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง (=3.32) และมีพฤติกรรมประชาธิปไตย โดยรวมอยู่ในระดับมาก (
=3.96) 2. การอบรมกล่อมเกลาทางการเมืองกับพฤติกรรมประชาธิปไตยของนักเรียนโดยภาพรวม มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และ 3. การประยุกต์หลักสัปปุริสธรรม 7 ในการส่งเสริมพฤติกรรมประชาธิปไตยด้วยแนวทางดังนี้ ควรปลูกฝังให้เด็กมีจิตสำนึกต่อความรับผิดชอบต่อหน้าที่ตนเอง ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาตนเอง เคารพกฎกติกาของสังคม ยอมรับความคิดเห็นหรือความแตกต่างระหว่างบุคคล ควรจัดกระบวนการเรียนรู้ที่สอนให้รู้จักเหตุและผล คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม ฝึกทักษะการแสดงออกให้เหมาะสม ควรเผยแพร่องค์ความรู้ และนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่เป็นจริง เมื่อเกิดความขัดแย้งควรร่วมกันแก้ไขความขัดแย้งระหว่างกันด้วยหลักเหตุผลและสันติวิธี
เอกสารอ้างอิง
กฤษชพลณ์ บุญครอง และศิวัช ศรีโภคางกุล. (2562). นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นกับความตื่นตัวทางการเมือง. วารสารด้านการบริหารรัฐกิจและการเมือง, 8(3), 94-119.
กลุ่มสารสนเทศ สำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2564). ระบบสารสนเทศเพื่อบริหารการศึกษา. สืบค้น 9 กรกฎาคม 2564.จาก https://data.bopp-obec.info/emis/index_area.php?Area_CODE=610001&Area_CODE2=610001.
คมสันต์ นาควังไทร. (2558). พฤติกรรมประชาธิปไตยของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชรแม่สอด (รายงานวิจัย). กำแพงเพชร: มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร.
พระครูใบฎีกาบุญเพ็ง สุตธมฺโม(จำปาสุข) และพระมหาสากล สุภรเมธี. (2561). ศึกษาหลักสัปปุริสธรรม 7 เพื่อพัฒนาพฤติกรรมของมนุษย์ในสังคมตามหลักพุทธปรัชญาเถรวาท. วารสารวิชาการวิทยาลัยบริหารศาสตร์, 1(2), 43-52.
พระแสงสุรีย์ คุณรมฺโม (ทองขาว) และคณะ. (2561). การจัดการเรียนรู้ตามหลักสัปปุริสธรรม 7 วิชาพระพุทธศาสนา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 7 โรงเรียนเทศบาล 7 (วัดป่าจิตตสามัคคี)จังหวัดนครราชสีมา. วารสารครุศาสตร์ปริทรรศน์, 5(2), 55-62.
พิชิต กันยาวรรณ และธรรมนิตย์ วราภรณ์. (2560). การศึกษาการกล่อมเกลาทางการเมือง และวัฒนธรรมทางการเมืองที่ส่งผลต่อประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมของประชาชน ในเขตพื้นที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างประเทศไทย. วารสารมนุษยศาสตรและสังคมศาสตร มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, 8(2), 177-189.
ไพศาล พากเพียร. (2560). การศึกษาคุณลักษณะทางด้านประชาธิปไตยของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชานี. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, 8(2), 276-287.
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2539). พระไตรปิฎกฉบับภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
ศูนย์การเรียนรู้การเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่ 3. (2558). คู่มือการจัดกิจกรรมส่งเสริมวิถีประชาธิปไตยของศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตยและการเลือกตั้งตำบล. กรุงเทพฯ: สำนักงานรณรงค์และเผยแพร่ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง.
สมบัติ ธํารงธัญวงศ์. (2549). การเมืองการปกครองไทย พ.ศ.1762-2500 (พิมพ์ครั้งที่ 4).กรุงเทพฯ: เสมาธรรม.
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดอุทัยธานี. (2563). ข้อมูลผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานี. สืบค้น 9 กุมภาพันธ์ 2564. จาก https://www.ect.go.th/uthaithani/main.php?filename=index.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. (2555). พลเมืองในระบอบประชาธิปไตย. กรุงเทพฯ: สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.
สุรีย์พร สลับสี. (2558). ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการเลือกตั้งของนักศึกษาระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยในภาคตะวันออก. วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย, 7(3), 379-403.
Krejcie, R.V. & Morgan, D. W. (1970). Determining sample sizes for research activities. Educational and Psychological Measurement. 30, 607-610.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ภาพหรือตารางหรือเนื้อหาอื่นๆ ของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้งแสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์ หากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดเบื้องต้น ทางวารสารจะถอดบทความของท่านออกโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น

