การสร้างจิตสำนึกทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของเยาวชน ในเทศบาลเมืองอโยธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
คำสำคัญ:
จิตสำนึกทางการเมือง, ระบอบประชาธิปไตย, เยาวชนบทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับจิตสำนึกทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของเยาวชน เปรียบเทียบจิตสำนึกทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของเยาวชน และเสนอแนวทางการสร้างจิตสำนึกทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของเยาวชนในเทศบาลเมืองอโยธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี การวิจัยเชิงปริมาณ ใช้แบบสอบถามที่มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.801 เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ เยาวชน อายุ 18-25 ปีบริบูรณ์ ภูมิลำเนาอยู่ในเขตเทศบาลเมืองอโยธยา จำนวน 390 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐาน T-test F-test และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One Way ANOVA) การวิจัยเชิงคุณภาพใช้วิธีการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 10 คน ในการวิเคราะห์เนื้อหาเชิงพรรณนาเพื่อยืนยันการสังเคราะห์ข้อมูล
ผลการวิจัยพบว่า จิตสำนึกทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของเยาวชน ภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง ส่วนการเปรียบเทียบตามปัจจัยส่วนบุคคลของเยาวชนที่มีเพศ อายุต่างกัน มีจิตสำนึกทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย การส่งเสริมหลักนิติธรรม การส่งเสริมหลักสิทธิเสรีภาพ และการส่งเสริมหลักความเสมอภาคไม่แตกต่างกัน ส่วนระดับการศึกษาต่างกัน มีจิตสำนึกทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยแตกต่างกัน และมีคุณลักษณะความเป็นพลเมืองตามวิถีประชาธิปไตย ประกอบด้วย ทักษะบุคคล การอยู่ร่วมกัน ความรู้เกี่ยวกับประชาธิปไตย โดยบูรณาการหลักสาราณียธรรม 6 เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติอันนำไปสู่การสร้างจิตสำนึกที่ดีทางการเมือง
References
คุณากร กรสิงห์ และณัฐชัย นิ่มนวล. (2558). การเสริมสร้างกระบวนการพัฒนาจิตสำนึกทางการเมืองแบบมีส่วนร่วมของเยาวชนระดับอุดมศึกษา ในจังหวัดนครสวรรค์. วารสารวิชาการและวิจัยสังคมศาสตร์, 10(ฉบับพิเศษ), 29-42.
ณฐมน หมวกฉิม. (2564). การมีส่วนร่วมทางการเมืองของเยาวชนไทย. วารสารวิชาการรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์, 3(3), 43-51.
เทียมจันทร์ พานิชย์ผลินไชย และจรูญ พานิชย์ผลินไชย. (2560). ความเป็นพลเมืองของนิสิตระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยนเรศวร. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (สทมส.), 23(1), 1-13.
ธนพัฒน์ เฉลิมรัตน์. (2563). กระบวนการกล่อมเกลาทางการเมืองกับความเป็นพลเมืองในจังหวัดเลย. วารสารวิชาการรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์, 2(2), 61-68.
พระครูศรีปริยัติคุณาภรณ์ และคณะ. (2557). การประยุกต์ใช้หลักสาราณียธรรมเพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของประชาชน จังหวัดอุดรธานี สกลนคร หนองคาย และกาฬสินธุ์. วารสารสิรินธรปริทรรศน์, 17(1), 59-75.
พระธงชัย วชิรญาโณ. (2563). การตื่นตัวทางการเมืองของเยาวชนไทย. วารสารวิชาการรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์, 2(3), 31-38.
พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต). (2543). กระบวนการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคนสู่ประชาธิปไตย. กรุงเทพฯ: สหธรรมิก.
พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส. (2563). บทบาทพระสงฆ์กับการพัฒนาพลเมืองของรัฐตามระบอบ ประชาธิปไตย. สืบค้น 20 ตุลาคม 2564, จาก http://www.mcu.ac.th
พระอโณทัย กตปุญฺโญ และคณะ. (2563). การส่งเสริมจิตสำนึกการเมืองภาคพลเมืองเพื่อการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยของประชาชน อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่, วารสาร มจร. สังคมศาสตร์ปริทรรศน์, 9(1), 47-58.
วัชรินทร์ ชาญศิลป์. (2561). ความเป็นพลเมืองของเยาวชนไทย. วารสารรัฐศาสตร์ปริทรรศน์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 5(1), 187-209.
วินิจ ผาเจริญ. (2561). คุณลักษณะความเป็นพลเมืองดีในสังคมประชาธิปไตยของนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้. วารสารศึกษาศาสตร์ มมร, 6(1), 148–161.
สุกิจ ชัยมุกสิก. (2563). การพัฒนาจิตสำนึกความเป็นพลเมืองตามวิถีประชาธิปไตยของบุคคลผู้เคยต้องคดีทางอาญาในเขตพื้นที่จังหวัดเลยตามหลักสาราณียธรรม. วารสารสถาบันวิจัยญาณสังวร, 10(2), 73–89.
สุรพล สุยะพรหม. (2547). ความคิดทางการเมือง: ประชาธิปไตยตามแนวพระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2022 วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ภาพหรือตารางหรือเนื้อหาอื่นๆ ของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้งแสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์ หากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดเบื้องต้น ทางวารสารจะถอดบทความของท่านออกโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น