ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสามัคคีของชุมชน กรณีศึกษาชุมชนในตำบลสวายจีก อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
คำสำคัญ:
ความสามัคคี, ชุมชน, จังหวัดบุรีรัมย์บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) ศึกษาสถานการณ์ปัจจุบันเกี่ยวกับความสามัคคีของชุมชน 2) ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความสามัคคีของชุมชน และ 3) นำเสนอแนวทางในการส่งเสริมความสามัคคีของชุมชน โดยการวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบผสม วิธีการวิจัยแบ่งออกเป็น 2 วิธี คือ 1) การวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้แบบสอบถาม ใช้วิธีการเลือกสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ ได้กลุ่มตัวอย่าง คือ ประชาชนในหมู่ 14 และ 17 ตำบลสวายจีก อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 295 คน และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ โดยใช้สถิติ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์สมการถดถอยเชิงพหุคูณ และ 2) การวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการสนทนากลุ่ม คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง จำนวน 6 คน และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ
ผลการวิจัย พบว่า 1) ประชาชนจะทำกิจกรรมร่วมกัน 1-2 ครั้ง/เดือน ซึ่งกิจกรรมที่เข้าร่วมส่วนใหญ่จะเป็นโครงการรัฐสวัสดิการต่างๆ 2) ปัจจัยด้านการรับรู้หน้าที่การเป็นพลเมืองที่ดีเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความสามัคคีของชุมชนมากที่สุด โดยมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และสามารถอธิบายได้ร้อยละ 85.40 และ 3) ควรมีการจัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้และสร้างความตระหนักเกี่ยวกับความสามัคคีให้กับประชาชนในชุมชน รวมถึงการจัดกิจกรรมในลักษณะต่างๆ ร่วมกัน เช่น การรวมกลุ่มเพื่อสร้างอาชีพเสริม เป็นต้น และควรนำแนวทางในการส่งเสริมความสามัคคีของชุมชนที่เรียกว่า ALPAU Model ไปประยุกต์ใช้
References
ก้องพิทักษ์ วงศ์ดีธนรักษ์ และคณะ. (2015). การศึกษากระบวนการสร้างความปรองดองและ เครื่องมือในการจัดการความขัดแย้ง. วารสารรังสิตบัณฑิตศึกษาในกลุ่มธุรกิจและสังคมศาสตร์, 1(1), 72-88.
กานต์สินี จันทร์หนู. (2563). ทัศนคติต่อการทำงาน และความจงรักภักดี ของพนักงานที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการปฏิบัติงานของพนักงาน บมจ.นำสินประภัย (การค้นคว้าอิสระสาขาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
จรัญญา ปานเจริญ และคณะ. (ม.ป.ป.). วิธีการวิจัยทางธุรกิจ. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
จักรพงษ์ ฟองชัย และคณะ. (2564). ความพึงพอใจของประชาชนต่อนโยบายสาธารณะบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กรณีศึกษา จังหวัดอุบลราชธานี. วารสารสถาบันวิจัยพิมลธรรม, 8(1), 75-85.
จักรี ศรีจารุเมธีญาณ และพระถนัด วฑฺฒโน. (2561). ภาวะผู้นำกับการพัฒนาชุมชน. วารสารสันติศึกษาปริทรรศน์ มจร, 6(ฉบับพิเศษ), 527-538.
ธนะวัฒน์ พรหมทอง และวรพงศ์ ตระการศิรินนท์. (2560). การศึกษา ความเป็นพลเมือง: กรณีศึกษาประชาชน ในเขตพื้นที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมือง จังหวัดลาพูน. วารสารรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์, 8(2), 103-127.
ภัณฑิลา นุ่มสังข์ (2556). วัฒนธรรมองค์กรและทัศนคติและบรรยากาศในการทำงานที่มีผลต่อประสิทธิผลในการปฏิบัติงานของพนักงานระดับปฏิบัติการ กรณีศึกษาพนักงานระดับ ปฏิบัติการพนักงานบริษัทในพื้นที่ย่านถนนเพลินจิต และถนนสุขุมวิท. (การค้นคว้าอิสระ สาขาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยกรุงเทพ.
รพีภัทร์ สุขสมเกษม. (2559). ปัจจัยที่มีผลต่อการส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชน กรณีศึกษาชุมชนในเขตเทศบาลนครปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี. (การค้นคว้าอิสระหลักสูตร รัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาบริหารรัฐกิจและกิจการสาธารณะ). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
วริษฐา สุริยไพฑูรย์. (2560). อิทธิพลของการรับรู้ความมีประโยชน์และความง่ายในการใช้งานที่ส่งผลต่อทัศนคติและความตั้งใจซื้อสินค้าของผู้บริโภคผ่านระบบพาณิชย์บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ (วิทยานิพนธ์หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาบริหารธุรกิจ). สงขลา: มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
วสันต์ พรพุทธิพงศ์ และคณะ. (2558). การรับรู้หน้าที่พลเมืองดีของเยาวชนในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร. Veridian E-Journal. 8(1), 1331-1339.
สมโภชน์ สุวรรณรัตน์ และคณะ. (2017). การสร้างความสามัคคีในหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบด้วยหลักพุทธธรรม. วารสารสมาคมนักวิจัย, 22(2), 191-203.
เสาวลักษณ์ งามวิทย์โรจน์. (2561). การศึกษาการตอบสนองของประชาชนที่มีต่อนโยบายบัตร สวัสดิการแห่งรัฐ ศึกษากรณีชุมชน นครไชยศรี กรุงเทพมหานคร (การค้นคว้าอิสรหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
องค์การบริหารส่วนตำบลสวายจีก. (2564). ข้อมูลทั่วไป. สืบค้น 15 กุมภาพันธ์2564, จาก https://www.govesite.com/sawayjeek/content.php?mcid=20131216093232kTqF1O8
Yamane, T. 1973. Statistics: an introductory analysis. (3rded). New York: Harper and Row.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2022 วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ภาพหรือตารางหรือเนื้อหาอื่นๆ ของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้งแสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์ หากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดเบื้องต้น ทางวารสารจะถอดบทความของท่านออกโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น