รูปแบบการอบรมกล่อมเกลาทางการเมืองของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา จังหวัดสุพรรณบุรี
คำสำคัญ:
รูปแบบ, การกล่อมเกลาทางการเมือง, จังหวัดสุพรรณบุรีบทคัดย่อ
การศึกษาวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ คือ 1) เพื่อศึกษาสภาพการเรียนรู้และวิธีการอบรมกล่อมเกลาทางการเมืองของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา จังหวัดสุพรรณบุรี 2) เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งเสริมการเรียนรู้ต่อรูปแบบการอบรมกล่อมเกลาทางการเมืองของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา จังหวัดสุพรรณบุรี และ 3) เพื่อนำเสนอรูปแบบการอบรมกล่อมเกลาทางการเมืองของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี ทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ
ผลการศึกษาวิจัยพบว่า 1. โรงเรียนให้ความสำคัญต่อการอบรมกล่อมเกลาทางการเมืองโดยให้การส่งเสริมสนับสนุนด้านประชาธิปไตย ตามที่กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดให้มีการนำเนื้อหาสาระในรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2560 เสริมเข้าไปในหลักสูตรและการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนทุกระดับชั้น ถ่ายทอดและเผยแพร่ให้เหมาะสมแก่นักเรียนกลุ่มเป้าหมาย 2. ปัจจัยที่ส่งเสริมการเรียนรู้ต่อรูปแบบการอบรมกล่อมเกลาทางการเมืองของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา จังหวัดสุพรรณบุรี ประกอบด้วย ครอบครัว สถาบันการศึกษา กลุ่มเพื่อน กลุ่มอาชีพ สื่อมวลชน และองค์กรศาสนา และ 3. รูปแบบการอบรมกล่อมเกลาทางการเมืองของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นรูปแบบที่ตัวแทนการเมือง คือ ครอบครัว สถาบันการศึกษา กลุ่มเพื่อน กลุ่มอาชีพ สื่อมวลชน และองค์กรศาสนา มีความสำคัญและต้องอาศัยกันและกัน โดยให้เด็กมีส่วนร่วมในทุกกิจกรรมเป็นการฝึกให้มีทักษะชีวิตโดยการประยุกต์หลักไตรสิกขา
References
ดุษณี สุทธปรียาศรี และ วรรณา ปูรณโชติ. (2540). กระบวนการปลูกฝังค่านิยมและวิถีชีวิตประชาธิปไตยในสถาบันอุดมศึกษา (รายงานการวิจัย). กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ.
ฉลองโชค ประดิษฐ์สาร. (2559). นโยบาย หลักสูตรการศึกษา และการอบรมกล่อมเกลาทางการเมือง : ศึกษากรณีระดับมัธยมศึกษา (วิทยานิพนธ์รัฐศาสตรมหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ทิพย์พาพร ตันติสุนทร. (2554). การศึกษาเพื่อสร้างพลเมือง. กรุงเทพฯ: บริษัท พี.เพรส จำกัด.
นุชิต ศุภพินิจ. (2553). ประชาธิปไตยกับการมีส่วนร่วมของสภานักเรียน: กรณีศึกษาสภานักเรียน โรงเรียนกันทรารมณ์ อำเภอกันทรารมณ์ จังหวัดศรีสะเกษ (การค้นคว้าอิสระรัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการเมืองและการปกครอง). อุบลราชธานี: มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.
ปรีชา ธรรมวินทร. (2532). การกล่อมเกลาทางการเมืองโดยผ่านหนังสือเรียน: วิเคราะห์หนังสือเรียนตามหลักสูตรประถมศึกษา พุทธศักราช 2521 (สารนิพนธ์ปริญญารัฐศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาการปกครอง). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ไพบูลย์ โพธิ์หวังประสิทธิ์. (2553). การกล่อมเกลาทางการเมืองโดยผ่านสถาบันทางศาสนา: ศึกษาเฉพาะกรณีคำเทศนาของหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ. ภูเก็ต: การประชุมวิชาการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ตวิจัยครั้งที่ 3.
มยุรี ถนอมสุข สุจิต. (2554). การรับรู้ข่าวสารทางการเมืองกับการมีส่วนร่วมทางการเมืองของนิสิตภาควิชาพลศึกษาและกีฬา. นครปฐม: คณะศึกษาศาสตร์ และพัฒนศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน.
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. (2540). รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540. กรุงเทพฯ: สำนักการพิมพ์สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.
Castro A. J., & Knowles R. T. (2015), International Encyclopedia of the Social and Behavioral Sciences. USA: University of Central Florida.
Haber & Vusi M. (2015). International Encyclopedia of the Social and Behavioral Sciences. USA: University of Central Florida.
Massialas, B. G., & Cox, B. (1966). Inquiry in social studies. New York: McGraw – Hill.
Yamane, T. (1973). Statistics: An Introductory Analysis. New York: Harper and Row Publications.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2021 วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ภาพหรือตารางหรือเนื้อหาอื่นๆ ของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้งแสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์ หากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดเบื้องต้น ทางวารสารจะถอดบทความของท่านออกโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น