แนวทางการเพิ่มประสิทธิผลกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ของกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต
คำสำคัญ:
การเพิ่มประสิทธิผล; กิจกรรมทางเศรษฐกิจ; กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ๑) ศึกษาสภาพการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจของกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต ๒) วิเคราะห์ประสิทธิผลกิจกรรมทางเศรษฐกิจของกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต ๓) นำเสนอแนวทางการเพิ่มประสิทธิผลกิจกรรมทางเศรษฐกิจของกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตจำนวน ๔๒๖ กลุ่มใน ๒๐ จังหวัดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามและการสนทนากลุ่ม ใช้สถิติเชิงพรรณนาในการวิเคราะห์
ผลการวิจัยพบว่า ๑) กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีความโดดเด่นในด้านจำนวนและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีความหลากหลาย จึงเป็นแหล่งสะสมทุนของชุมชนในการสร้างงาน สร้างอาชีพและจัดสวัสดิการให้กับสมาชิกและชุมชน การบริหารจัดการของกลุ่มออมทรัพย์จึงจำเป็นต้องมีระเบียบข้อบังคับกลุ่มที่เป็นลายลักษณ์อักษรอันเกิดจากประชามติร่วมกันของสมาชิกซึ่งจะช่วยให้เกิดประสิทธิผลในการบริหารจัดการ ๒) กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตมีประสิทธิผลกิจกรรมทางเศรษฐกิจผลการวิจัยอยู่ในระดับปานกลาง มีการจัดสวัสดิการและการออมเพื่อการผลิตมากกว่าการส่งเสริมอาชีพ จึงควรได้รับการเพิ่มประสิทธิผลกิจกรรมการส่งเสริมอาชีพมากขึ้น ด้วยการฝึกอาชีพและขยายการดำเนินธุรกิจชุมชนร่วมกันในลักษณะเครือข่ายหรือเชื่อมโยงกิจกรรมระหว่างกลุ่มออมทรัพย์รวมถึงการจัดอบรมการจัดทำบัญชีอย่างเป็นระบบและการศึกษาดูงานเพิ่มพูนประสบการณ์ในด้านสวัสดิการ ๓) สำหรับแนวทางการเพิ่มประสิทธิผลกิจกรรมทางเศรษฐกิจของกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตควรได้รับการส่งเสริมการเรียนรู้จากหน่วยงานภายนอก การจัดระบบความรู้และสร้างองค์ความรู้ใหม่ที่พัฒนามาจากปัญหาของกลุ่มเอง อาจนำเทคโนโลยีและสารสนเทศมาใช้ในการส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมด้วย
เอกสารอ้างอิง
ปรีดี โชติช่วง. กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต: กระบวนการสะสมทุนโดยชุมชน. วารสารพัฒนาชุมชน, ๔๐ (๒), ๒๕๔๔: ๒๙-๓๐.
ยุวัฒน์ วุฒิเมธี. กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต. กรุงเทพมหานคร: กรมการพัฒนาชุมชน, ๒๕๕๐.
สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย. รายงานการศึกษาฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อ พัฒนาระบบการเงินระดับจุลภาค (Micro-banking Development). กรุงเทพมหานคร: สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, ๒๕๔๙.
สำนักพัฒนาทุนและองค์กรการเงินชุมชน. องค์ความรู้: การดำเนินงานกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต (สำหรับเจ้าหน้าที่). กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย, ๒๕๕๓.
Becky Yang Hsu. Assisting the rural poor: model understanding. microfinance and international voluntary efforts in Southwestern China. Doctoral dissertation. Princeton University. United States, 2011.
Hari Bansha Dulal. Role of Microcredit in rural poverty alleviation: A case study of Garmeen Bikas Bank in Eastern development region, Nepal. Doctoral dissertation, George Mason University, United States, 2007.
Maria Urbina. An Evaluation of Microfinance as a tool for poverty alleviation case study of SEPAS/FONCRESOL. Potosi. Bollivis. Master’s thesis. Saint Mary’s University. United States, 2004.
Shuster GF. Community assessment and evaluation in Foundation of nursing in the community: community-oriented practice. In: Stanhope M. Lancaster edited. Missouri: MOSBY ELSEVIER, 2010.
Taro Yamane. Elementary Sampling Theory. London: Prentice-Hall, 1967.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2018 วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ภาพหรือตารางหรือเนื้อหาอื่นๆ ของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้งแสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์ หากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดเบื้องต้น ทางวารสารจะถอดบทความของท่านออกโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น

