แนวทางการพัฒนาบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวไหว้พระเก้าวัด ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
คำสำคัญ:
ทิศทางการวิจัย, สังคมศาสตร์, มนุษยศาสตร์, ศึกษาศาสตร์บทคัดย่อ
จากการวิจัยเรื่องพฤติกรรมและความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวที่มีต่อการไหว้พระเก้า วัดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมของผู้มาไหว้พระเก้าวัดและ ระดับความพึงพอใจของผู้มาไหว้พระเก้าวัดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมทั้งเปรียบเทียบระดับ ความพึงพอใจของผู้มาไหว้พระเก้าวัดและการวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับ พฤติกรรมการมาไหว้พระเก้าวัดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยใช้กลุ่มตัวอย่างเป็นชาวไทยได้มา ไหว้พระในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จํานวน ๔๐๐ คน ซึ่งใช้โปรแกรมสําเร็จรูปทางสถิติ SPSS การ วิจัยสรุปได้ดังนี้ผลการวิจัยเป็นเพศหญิง (ร้อยละ ๕๔.๕) อายุอยู่ในช่วง ๒๓-๔๐ ปี (ร้อยละ ๔๕.๐) การศึกษาระดับมัธยมศึกษา/ปวช. (ร้อยละ ๔๐.๖) อาชีพโดยทํางานบริษัท/รับจ้างทั่วไป (ร้อยละ ๓๗.๗ ) รายได้ไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทต่อเดือน (ร้อยละ ๓๒.๒) สถานภาพสมรสแล้ว (ร้อยละ ๔๔.๔) และ ภูมิลําเนามาจากต่างจังหวัด (ร้อยละ ๓๗.๔) ที่เป็นจังหวัดอื่นที่ไม่ใช่กรุงเทพมหานครหรือจังหวัด พระนครศรีอยุธยาและปริมณฑลส่วนพฤติกรรมของผู้มาไหว้พระเก้าวัด ทราบข่าวจากเอกสารแนะนําไหว้พระเก้าวัด (ร้อยละ ๓๒.๒) ลักษณะการเดินทางของผู้มาไหว้พระด้วยรถส่วนตัว(ร้อยละ ๘๓.๔) และเหตุผลที่ผู้มา เที่ยวอยุธยาเพื่อไหว้พระเพื่อพักผ่อนและไหว้พระ (ร้อยละ ๕๕.๐) ความถี่ของกลุ่มตัวอย่างที่ผู้มาไหว้ พระ ๒ ครั้งขึ้นไป(ร้อยละ ๓๕.๕) ช่วงวันในการมาไหว้พระของกลุ่มตัวอย่างเป็นวันอาทิตย์ (ร้อยละ ๕๕.๐) ลักษณะของกลุ่มตัวอย่างที่มาไหว้พระอยุธยากับครอบครัว (ร้อยละ ๕๒.๐) และกิจกรรมที่ให้มากราบไหว้พระมีความศักดิ์สิทธิ์ฯ (ร้อยละ ๓๘.๗) ความเชื่อในการมาไหว้พระที่อยุธยาแล้วทําให้ จิตใจสบายขึ้น (ร้อยละ ๕๕.๓) การมาไหว้พระที่อยุธยาของกลุ่มตัวอย่างมีการใช้จ่ายประมาณไม่เกิน ๓,๐๐๐ บาท (ร้อยละ ๖๕.๓) และการจะกลับมาไหว้พระที่อยุธยาอีกหรือไม่ ซึ่งกลุ่มตัวอย่างคาดว่า จะมาไหว้พระปีละ ๒-๓ ครั้ง (ร้อยละ ๓๔.๔)สําหรับระดับความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างที่มาไหว้พระในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยรวมแต่ละข้อในด้านสถานที่ของวัดมีระดับความพึงพอใจมาก ต้านอํานวยความสะดวกมีระดับ ความพึงพอใจมาก ด้านการให้บริการของวัดมีระดับความพึงพอใจมาก และด้านบรรยากาศมีระดับ ความพึงพอใจมาก เปรียบเทียบระดับความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างที่มาไหว้พระเก้าวัดที่อยุธยา โดยรวมเพศต่างกันมีระดับความพึงพอใจของผู้มาไหว้พระเก้าวัดไม่ต่างกัน ส่วนอายุที่แตกต่างกันโดย ทุกข้อ มีระดับความพึงพอใจในการมาไหว้พระเก้าวัดต่างกัน ด้านการศึกษาที่ต่างกันซึ่งทุกข้อมีระดับ ความพึงพอใจไม่ต่างกัน ด้านอาชีพที่ต่างกันโดยทุกข้อมีระดับความพึงพอใจต่างกันด้านรายได้ต่อ เดือนที่ต่างกันโดยรวมมีระดับความพึงพอใจไม่ต่างกัน ด้านสถานภาพสมรสที่ต่างกันโดยรวมมีระดับ ความพึงพอใจต่างกัน และด้านภูมิลําเนาที่แตกต่างกันซึ่งทุกข้อมีระดับความพึงพอใจไม่แตกต่างกัน ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับพฤติกรรมของผู้มาไหว้พระเก้าวัดที่อยุธยา โดยด้านเพศที่ต่างกันโดยรวมส่งผลต่อพฤติกรรมการมาไหว้พระต่างกัน ด้านอายุที่ต่างกันโดยรวมมี พฤติกรรมในการมาไหว้พระไม่ต่างกัน ด้านการศึกษาที่ต่างกันโดยรวมส่งผลต่อพฤติกรรมการมาไหว้ พระต่างกัน ด้านอาชีพที่ต่างกันโดยรวมส่งผลต่อพฤติกรรมการมาไหว้พระที่ต่างกัน ด้านรายได้ต่อ เดือนที่ต่างกันโดยรวมส่งผลต่อพฤติกรรมการมาไหว้พระที่ต่างกัน ด้านสถานภาพสมรสที่ต่างกัน โดยรวมมีพฤติกรรมการมาไหว้พระไม่ต่างกันและทางด้านภูมิลําเนาที่แตกต่างกันโดยรวมส่งผลต่อ พฤติกรรมการมาไหว้พระที่อยุธยาแตกต่างกัน
References
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (๒๕๔๓), พระนครศรีอยุธยามรดกโลก, พระนครศรีอยุธยา : จังหวัดฯ
นุชศินี ยศปกรณ์. (๒๕๔๖). การบริหารจัดการของบริษัทท่องเที่ยวที่มีผลต่อความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว : กรณีศึกษาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา. (บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต)พระนครศรีอยุธยา : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา สุมาลี สุขเขตต์, การศึกษาความต้องการของนักท่องเที่ยวในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่มีต่อการพักรีสอร์ทเชิงอนุรักษ์, วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (การจัดการทั่วไป)พระนครศรีอยุธยา : บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา, ๒๕๔๙
อภินันท์ จันตะนี, ระเบียบวิธีวิจัยทางการจัดการขั้นสูง. คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๔
Cronbach, Lee J. Essentials of Psychological Testing. 3rd ed. New York: McGraw Hil, 1974,
Fayol, Henry, General and Industrial Management. London: Pittman, 1983.
Herzberg, F. The Motivation To Work. New York: Wiley, 1959. Kotler, Philip. Marketing Management. New York: Pearson Education, 1997.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2018 วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ภาพหรือตารางหรือเนื้อหาอื่นๆ ของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้งแสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์ หากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดเบื้องต้น ทางวารสารจะถอดบทความของท่านออกโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น