การจัดการความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับองค์การของรัฐโดยการอนุมัติโครงการ ด้านพลังงานชีวมวล ตำบลสีคิ้ว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา

ผู้แต่ง

  • อนันต์ ไกรบำรุง
  • ศรุตา สมพอง

คำสำคัญ:

การจัดการความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับองค์การของรัฐ

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ในการศึกษา 3 ประการคือ 1) เพื่อศึกษาสถานการณ์ความขัดแย้งในการดำเนินโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล ตำบลสีคิ้ว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา 2) เพื่อศึกษาบทบาทของหน่วยงานภาครัฐที่แสดงออกมาในการจัดการกับสถานการณ์ความขัดแย้ง
3) เสนอแนวทางการจัดการความขัดแย้งในการดำเนินโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล ทั้งในระดับ ชาติและระดับท้องถิ่น เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) โดยศึกษาวิเคราะห์ภายใต้ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ด้วยวิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) กำรสนทนำกลุ่ม (Focus Group Discussion) การสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม (Non-Participant Observation)และ จากเอกสารทางวิชาการ เอกสาร รายงานต่าง ๆ รวมถึงงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง มีผู้ให้ข้อมูลหลัก(Key information) จำนวน 35 คน โดยวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบด้วยวิธีการพรรณนา เป็นการแปลความหมาย และสร้างข้อสรุปจากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมีข้อค้นพบโดยสรุป คือการสื่อสารที่เป็นทางการของหน่วยงานภาครัฐ ทำให้ประชาชนเกิดความไม่เข้าใจในกระบวนการและรายละเอียดของข้อมูลอย่างชัดเจน รวมถึงด้านผลประโยชน์ จึงไม่เชื่อมั่นในการบริหารงานของภาครัฐ ซึ่งได้กลายเป็นประเด็นความขัดแย้งของประชำชนกับหน่วยงานภาครัฐ

2. หน่วยงานภาครัฐล้มเหลวในการจัดการความขัดแย้งในการอนุมัติโครงการด้านพลังงาน เกิดจำกกระบวนการปฏิบัติตามนโยบายมีการละเมิดต่อสิทธิอันชอบธรรมของประชาชนโดยไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น และขาดความสำคัญในกระบวนการมีส่วนร่มรวมทั้งไม่มีกระบวนกำรสร้างการรับรู้ ประชาชนจึงไม่เชื่อมั่น และไว้วางใจต่อหน่วยงานภาครัฐรวมทั้งภาคเอกชน
3. การปฏิบัติที่หลีกเลี่ยงหลักขั้นตอนของกฎหมายด้วยการอาศัยช่องว่างของกฎหมายและใช้ช่องทางของอำนาจที่มีอยู่ในการขอหรืออนุญาตให้ประกอบการกิจการพลังงาน โดยไม่มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ทำให้มีโรงไฟฟ้าชีวมวลเกิดขึ้นจำนวนมากและส่งผลกระทบการจัดการความขัดแย้งของประชาชนกับหน่วยงานภาครัฐในการอนุมัติโครงการด้านพลังงาน จึงประกอบด้วย ความไว้วางใจ การสร้างสรรค์สังคม และข้อเสนอทางเลือก โดยการเปิดพื้นที่ทางสังคมเพื่อการสร้างความไว้วางใจ เปิดโอกาสการเข้าไปมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน โดยที่ทุฝ่ายยอมรับและมีเป้าหมายร่วมกัน รวมทั้งข้อเสนอทางเลือกที่หลากหลายเป็นทำงออก และโยงยึดกับหลักธรรมาภิบาล และความรับผิดชอบต่อสังคมเป็นฐานหลักสำคัญ

References

Andrew, Pearse and Stiefel, M. (1979). Inquiryinto Participation: A Research Approach. Geneva: UNRISD.
Arnstein, Sherry R. (1969). A Ladder of Citizen Participation.Journal of the American Planning Association.35 (4)(July): p. 216-224.
Creighton, J. L. (2005, p. 7). The Public Participation Handbook: Making Better Decisions Through Citizen Involvement. San Francisco: Jossey Bass.
Christopher Moor. (1996, p.60–61). The Mediation Process: Practical Strategic forResolving Conflict. (2nd ed). San Francisco, CA: Jossey-Bass.
Denhardt, Janet V. and Denhardt, Robert B. (2007).The New Public Service :Serving, Not Steering.(Expanded ed).New York: M.E. Sharpe. USA.
Osborne, D. and Gaebler, T. (1992). Reinventing Government: How the entrepreneurial spirit is transforming the public sector. Wokingham: Addison-Wesley.
Pateman, Carole. (1970).Participation and Democratic Theory.Cambridge University Press.
Prause, Daria. andMujtaba, Bahaudin G. (2015). Conflict Management Practices for Diverse Workplaces. Journal of Business Studies Quarterly.6 (3) (2015).

เผยแพร่แล้ว

2020-06-08

How to Cite

ไกรบำรุง อ. ., & สมพอง ศ. . (2020). การจัดการความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับองค์การของรัฐโดยการอนุมัติโครงการ ด้านพลังงานชีวมวล ตำบลสีคิ้ว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา. วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์, 6(2-03), 883–892. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jssr/article/view/243733