การประยุกต์ใช้หลักพุทธธรรมเพื่อการบริหารงานขององค์การ บริหารส่วนตำบลดงพระราม อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี
คำสำคัญ:
กำรประยุกต์, หลักพุทธธรรมบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ในการวิจัย ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาการบริหารงานตามหลักพุทธธรรมขององค์การบริหารส่วนตำบลดงพระราม อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี 2) เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของประชำชนต่อการบริหารงานตามหลักพุทธธรรมขององค์การบริหารส่วนตำบลดงพระราม อำเภอเมือง จังหวัดปรำจีนบุรี โดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล 3) เพื่อศึกษาปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการบริหารงานตามหลักพุทธธรรมขององค์การบริหารส่วนตำบลดงพระราม อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยดำเนินการวิธีวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed Method Research) ระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) การวิจัยเชิงปริมาณดำเนินการโดยการสำรวจ (Survey Research) กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 390 คน ซึ่งเป็นประชำชนในตำบลดงพระราม อำเภอเมือง จังหวัดปรำจีนบุรี เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามแบบประมาณค่ำ 5 ระดับ ที่ระดับความชื่อมั่น 0.812 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่ำความถี่ (Frequency) ค่ำร้อยละ (Percentage) ค่ำเฉลี่ย (Mean) และค่ำส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ทดสอบสมมติฐาน โดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล การทดสอบค่ำที (t-test) ในกรณีตัวแปรต้นสองกลุ่ม และการทดสอบค่ำเอฟ (F-Test) ด้วยวิธีการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One Way ANOVA) ในกรณีตัวแปรต้นตั้งแต่สำมกลุ่มขึ้นไป เมื่อพบว่ามีความแตกต่างจะทำการเปรียบเทียบความแตกต่างด้วยวิธีผลต่างนัยสำคัญน้อยที่สุด (Least Significant Difference: LSD) และการวิจัยเชิงคุณภาพ(Qualitative Research) ดำเนินการโดยการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) กับผู้ให้ข้อมูล
หลัก (Key Informants) จำนวน 8 ท่าน เพื่อสนับสนุนข้อมูลเชิงปริมาณ ใช้เทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหำประกอบบริบท ผลการศึกษาพบว่า : 1. การประยุกต์ใช้หลักพุทธธรรมเพื่อการบริหารงำนขององค์การบริหารส่วนตำบลดงพระราม อำเภอเมือง จังหวัดปรำจีนบุรี ประชาชนมีความคิดเห็นโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อจำแนกเป็นรายด้าน พบว่า ด้านฉันทะ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น มีระดับค่ำเฉลี่ยสูงสุดอยู่ในระดับมาก รองลงมา คือด้านวิมังสา ความหมั่นสอดส่องในเหตุผลของสิ่งนั้น มีระดับค่ำเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก และสุดท้ายด้านวิริยะ ความพากเพียรในสิ่งนั้น มีค่ำเฉลี่ยต่ำสุด มีระดับค่ำเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก อยู่ในระดับมาก 2. ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นของประชำชนต่อการประยุกต์ใช้หลักพุทธธรรมเพื่อการบริหารงำนขององค์การบริหารส่วนตำบลดงพระราม อำเภอเมือง จังหวัดปรำจีนบุรี โดยจำแนกตามสถานภาพส่วนบุคคล พบว่า ประชำชนที่มีเพศ สถาน อำยุ และระดับการศึกษา ต่างกัน มีความคิดเห็นไม่แตกต่างกัน จึงปฏิเสธสมมติฐาน ส่วนประชำชนที่มีรายได้แตกต่างกัน มีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จึงยอมรับสมมติฐาน 3. ปัญหำและอุปสรรคต่อการประยุกต์ใช้หลักพุทธธรรมเพื่อการบริหารงำนขององค์การบริหารส่วนตำบลดงพระราม อำเภอเมือง จังหวัดปรำจีนบุรี พบว่า การพัฒนาท้องถิ่นไม่สอดคล้องกับสภาพท้องถิ่นเท่าที่ควร ขำดการจัดทำฐานข้อมูลเพื่อทำแผนพัฒนา ประชำชนขาดการมีส่วนร่วมตรวจสอบติดตามโครงการ/กิจกรรม ข้อเสนอแนะ ได้แก่ ควรมีการพัฒนาท้องถิ่นให้ตรงกับสภาพท้องถิ่น ควรมีการจัดทาฐานข้อมูลเพื่อจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่น ควรเปิดโอกาสให้ประชำชนมีส่วนร่วมในกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ ขององค์กร
References
มานิต จุมปา. คำอธิบายกฎหมายการปกครองว่าด้วยการจัดระเบียบราชการบริหาร. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2548.
สมคิด เลิศไพฑูรย์. กฎหมายการปกครองส่วนท้องถิ่น. เอกสารตาราหลักประกอบการเรียนการสอนหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต สาขาการปกครองส่วนท้องถิ่นวิชำกฎหมายสำหรับการปกครองส่วนท้องถิ่น. กรุงเทพมหานคร : ม.ป.พ., 2550.
พรเพ็ญ เพชรสุขศิริ.รศ.ดร. การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการบริหาร ฉบับปรับปรุงใหม่. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์เสมาธรรม, 2548.
อภินันท์ จันตะนี. การใช้สถิติวิเคราะห์ข้อมูล สาหรับการวิจัยทางธุรกิจ. ฝ่ายบัณฑิตศึกษาคณะวิทยาการจัดการ : มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยา, 2549.
กัญก์วฬาภรณ์ กลิ่นนิ่มนวล. “ประสิทธิภาพการบริหารจัดการสำนักงานจังหวัดพิษณุโลกตามหลักอิทธิบาท 4”. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2554.
พระวุฒิพงษ์ ถาวรจิตฺโต (รักเรียน). “การนำหลักอิทธิบาท 4 มาใช้ในการปฏิบัติงาน : ศึกษาเฉพำะกรณีองค์การบริหารส่วนตำบลในเขตอำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน”. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต รัฐประศาสนศาสตร์. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2553.
ชำตรี แนวจำปา. "การประยุกต์ใช้อิทธิบาท 4 ในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลำกรสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร". วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขา รัฐประศาสนศาสตร์. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2552.
พระวุฒิพงษ์ ถาวรจิตฺโต (รักเรียน). “การนำหลักอิทธิบาท 4 มาใช้ในการปฏิบัติงาน: ศึกษาเฉพำะกรณีองค์การบริหารส่วนตำบลในเขตอำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน”. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต (รัฐประศาสนศาสตร์). บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2553.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2020 วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ภาพหรือตารางหรือเนื้อหาอื่นๆ ของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้งแสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์ หากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดเบื้องต้น ทางวารสารจะถอดบทความของท่านออกโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น