การบริหารการพัฒนาวัด เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านสุขภาวะของประชาชน ในจังหวัดระยอง
คำสำคัญ:
การพัฒนา, ส่งเสริม, สุขภาวะบทคัดย่อ
บทความความเรื่อง “การบริหารการพัฒนาวัด เพื่อส่งเสริมสุขภาวะของประชาชน ในจังหวัดระยอง”โดยมีวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้ คือ 1) เพื่อศึกษาการบริหารการพัฒนาวัด เพื่อส่งเสริมสุขภาวะของประชาชน ในจังหวัดระยอง 2) เพื่อศึกษาปัจจัยการบริหารการพัฒนาวัด เพื่อส่งเสริมสุขภาวะของประชาชน ในจังหวัดระยอง 3) เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารการพัฒนาวัดเพื่อส่งเสริมสุขภาวะของประชาชน ในจังหวัดระยองผู้วิจัยได้เลือกกลุ่มประชากร ที่เป็นประชาชนในเขตปกครองจังหวัดระยองจำนวน 33,273 คน เลือกสุ่มกลุ่มตัวอย่างได้จานวน 356 คน จากการหาด้วยสูตรวิธีของ ทาโร ยามาเน่ (Taro Yamane) ผู้วิจัยจึงเก็บข้อมูลจากประชากรจานวน 356 คน ใช้แบบสอบถามและแบบ สัมภาษณ์เป็นเครื่องมือ ในการเก็บข้อมูลประมวลผลโดยใช้คอมพิวเตอร์โปรแกรมสำเร็จรูป โดยใช้ สถิติค่าความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage ) ค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าเบี่ยงเบน มาตรฐาน (Standard Deviation ในการอธิบายลักษณะข้อมูลทั่วไป
ผลการวิจัย พบว่า
1. ประชาชน ผู้ให้ข้อมูลที่มีต่อการบริหารการพัฒนาวัด เพื่อส่งเสริมสุขภาวะของประชาชน ในจังหวัดระยอง ผู้ให้ข้อมูลโดยปัจจัยพื้นฐานการบริหารด้วย M’s 4 โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ ( x¯ = 3.88) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ (S.D. = 0.195) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า การบริหารการพัฒนาวัด โดยปัจจัยพื้นฐานการบริหาร ด้วย M’s 4 ได้แก่ คน (Man) อยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเท่ากับ x¯ = 3.97 S.D. = 0.416 เงิน (Money) อยู่ใน ระดับมาก โดยมีค่าเท่ากับ x¯ = 4.07, S.D. = 0.443 วัสดุสิ่งของ (Materials) อยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเท่ากับ x¯ = 4.03, S.D. = 0.427 การจัดการ (Management) อยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเท่ากับx¯ = 3.89, S.D. =0.454 และด้านสุขภาวะของประชาชน ได้แก่ สุขภาวะทางกาย อยู่ในระดับ
มาก โดยมีค่าเท่ากับ x¯ = 3.81, S.D. = 0.520 สุขภาวะทางจิต อยู่ในระดับมาก โดยมีค่า เท่ากับ x¯ = 3.78, S.D. = 0.549 สุขภาวะทางสังคม อยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเท่ากับ x¯ = 3.78,S.D. = 0.494 สุขภาวะทางปัญญา อยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเท่ากับ x¯ = 3.78, S.D. = 0.504 ตามลำดับปัจจัย
2.ปัจจัยการบริหารการพัฒนาวัด เพื่อส่งเสริมสุขภาวะของประชาชน ในจังหวัดระยอง ปัจจัยการบริหารการพัฒนาวัด ด้วยปัจจัยพื้นฐานการบริหาร ด้วย M’s4 การบริหารการพัฒนาวัด ด้วยปัจจัยพื้นฐานการบริหาร ด้วยM’s4 โดยปัจจัยพื้นฐานการบริหาร ด้าน โดยภาพรวม อยู่ในระดับ มาก โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ (x¯=3.97) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ ( S.D.= 0.417) ด้านเงิน (Money) โดยภาพรวม อยู่ระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ (x¯ = 4.07) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ (S.D. =0.878)ด้านวัสดุสิ่งของ (Materials) โดยภาพรวม อยู่ระดับปานกลางโดยมี ค่าเฉลี่ยเท่ากับ (x¯ =4.03 ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ (S.D. = 0.427) ด้านการจัดการ (Management)โดยภาพรวม อยู่ระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ (x¯ =3.89) และส่วนเบี่ยงเบนมาตร ฐานเท่ากับ (S.D. = 0.454) ด้าน สุขภาวะของประชาชน โดยการบริหารการพัฒนาวัดด้านสุขภาวะทางกาย โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ (x¯ =3.81) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ (S.D. = 0.520) ด้านสุขภาวะทางจิต โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ (x¯=3.78) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ (S.D.=0.549) ด้านสุขภาวะทางสังคม โดยมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ (x¯=3.78) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ (S.D.=0.494) ด้านสุขภาวะทางปัญญา โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ (x¯=3.79) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ (S.D.=0.944)
3. แนวทางการบริหารการพัฒนาวัด เพื่อส่งเสริมสุขภาวะของประชาชน ในจังหวัดระยอง ดังนี้ ควรเปิดโอกาสให้พระสงฆ์ และประชาชน ที่มีความรู้ความสามารถได้มีส่วนร่วมในการบริหาร การพัฒนาวัดเพื่อการดาเนินงานต่างๆ มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ผู้บริหารวัดควรมีการกำหนดนโยบาย มีแผนแม่บทอย่างชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษรและสามารถนานโยบายไปปฏิบัติเป็นรูปธรรมเห็นได้อย่างชัดเจน และเกิดประโยชน์สูงสุดกับวัด การบริหารการพัฒนาวัด ควรส่งเสริมทรัพยากรบุคลากรภายในและภายนอกบริเวณวัด ควรจะมีระบบแบบแผน ทั้งทางด้านทรัพยากรบุคคล และการเงินให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น เพื่อสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและมีการประเมินผล เพื่อเพิ่มศักยภาพการทางาน อันเป็นการส่งเสริม และการพัฒนาบุคลากรทั้งด้านกาย จิตใจและปัญญา
References
จันทร์เพ็ญ สัตวาจา. (2550). แนวคิดพนฐานทฤษฎีและกระบวนการพยาบาล. นนทบุรี: สถาบันพระบรมราชชนก.
ดวงฤดี ลาศุขะ. (2546). ผลของการออกกาลังกาย และการฝึกการผ่อนคลายต่อระดับความดันโลหิตและปริมาณการใช้ยาในผู้สูงอายุที่มีระดับความดันโลหิตสูงของโครงการศูนย์ส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ. คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัย. เชียงใหม่:
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
นนท์ ธรรมสถิตย์ และชานะ พาซื่อ. (2542). พระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์ไทย. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาจุฬาบรรณาคาร วัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์.
พระเทพเวที (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). (2536). พุทธศาสน์กับชาติไทย. กรุงเทพฯ; มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระธรรมโมลี (ทองอยู่ ญาณวิสุทฺโธ). (2551). พฤติกรรมสุขภาพ และการดูแลสุขภาพองค์รวมที่ปรากฏในพระไตรปิฎก. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย:มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระมหาวรานนท ฐิตนนฺโท. (2545). วิปสสนาภาคปฏิบัติ. กรุงเทพฯ: แสวงสุทธิการพิมพ.
พัฒนพงษ์ น้อยสมมิตร. (2548). การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม: กรณีศึกษาในเขตเทศบาลนครระยอง. ปัญหาพิเศษรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชานโยบายสาธารณะ.วิทยาลัยการบริหารรัฐกิจ. มหาวิทยาลัยบูรพา.
พุทธทาสภิกฺขุ. (2549).พุทธธรรมขุมทรัพย์จากพระโอฏฐ์ (ฉบับคู่มือพุทธบริษัท). พิมพ์ครั้งที่ 4.กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์บุพนิมิต.
มณฑิรา เขียวยิ่งและคณะ. (2540). การวิจัยเรื่ององความคาดหวังและความเปนจริงในการดูแลสุขภาพผูสูงอายุจากครอบครัว. ขอนแกน: คณะพยาบาลศาสตรมหาวิทยาลัยขอนแกน.
สมบูรณ์จัยวัฒน์และเฉลิมศรี นันทวรรณ. (2552). การพยาบาลอนามัยชุมชน. กรุงเทพฯ: งานการพยาบาลอนามัยชุมชน. ภาควิชาพยาบาลศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2020 วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ภาพหรือตารางหรือเนื้อหาอื่นๆ ของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้งแสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์ หากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดเบื้องต้น ทางวารสารจะถอดบทความของท่านออกโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น