พุทธบูรณาการเพื่อการบริหารจัดการป่าชุมชนรอบแนวเขตอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์
คำสำคัญ:
ป่าชุมชน; อุทยานแห่งชาติแม่วงก์; อปริหานิยธรรม;บทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์ คือ (1) เพื่อศึกษาบทบาทของป่าชุมชนที่มีต่อวิถีชีวิตของประชาชน และสภาพปัญหาทั่วไปที่มีผลกระทบต่อการบริหารจัดการป่าชุมชนรอบแนวเขตอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ (2) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการบริหารจัดการป่าชุมชนรอบแนวเขตอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ และ (3) เพื่อนำเสนอพุทธบูรณาการเพื่อการบริหารจัดการป่าชุมชนรอบแนวเขตอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ เป็นการวิจัยโดยใช้รูปแบบ การวิจัยแบบผสานวิธี 1) การวิจัยเชิงคุณภาพ ประชากรคือ ผู้นาป่าชุมชน ผู้นาชุมชน พระภิกษุ เจ้าหน้าที่ของรัฐที่รับผิดชอบดูแลป่าชุมชนในพื้นที่ จานวน 19 รูป/คน โดยผู้วิจัยใช้การสัมภาษณ์เจาะลึกวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเทคนิคการวิเคราะห์แบบ TAC และการสนทนากลุ่มเฉพาะผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 12 รูป/คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยพรรณนาความวิเคราะห์ 2) การวิจัยเชิงปริมาณ ประชากรคือ สมาชิกป่าชุมชนรอบแนวเขตอุทยานแห่งชาติแม่ วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ที่ จานวน 300 ครัวเรือน เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถาม แล้วนำข้อมูล
มาวิเคราะห์เส้นทางความสัมพันธ์ของตัวแปรด้วยโมเดลสมการโครงสร้าง
ผลการวิจัยพบว่า
1) บทบาทของป่าชุมชนที่มีต่อวิถีชีวิตของประชาชนรอบแนวเขตอุทยานแห่งชาติแม่วงก์จังหวัดนครสวรรค์ ประกอบไปด้วย (1) ป่าชุมชนเป็นแหล่งทรัพยากรและแหล่งอาหารให้กับชุมชน (2) ป่าชุมชนเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้กับชุมชน (3) ป่าชุมชนเป็นศูนย์การเรียนรู้ความเป็นธรรมชาติวิทยา และ (4) ป่าชุมชนเป็นสถานที่พักผ่อนในรูปแบบของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศดูความเป็นธรรมชาติของสัตว์พืชและสรรพสิ่งในป่าชุมชน ในส่วนของสภาพปัญหาทั่วไปที่มีผลกระทบต่อการบริหารจัดการป่าชุมชน ด้านการบริหารทรัพยากรในพื้นที่ป่าชุมชนมี 2 ประเด็นสำคัญ คือ ปัญหาที่ตัวสมาชิกป่าชุมชน และปัญหาที่ตัวผู้บริหารป่าชุมชน ซึ่งผู้บริหารป่าชุมชนต้องเปิดโอกาสและหาวิธีการที่จะทาให้สมาชิกป่าชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลทรัพยากรในพื้นที่ป่าชุมชน
2) ข้อมูลพื้นฐาน พื้นฐานเศรษฐกิจด้านรายได้ และพื้นฐานเศรษฐกิจด้านรายจ่าย มีอิทธิพลทางตรงต่อการบริหารจัดการป่าชุมชน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยพื้นฐานเศรษฐกิจด้านรายได้มีอิทธิพลต่อการบริหารจัดการป่าชุมชนมากที่สุด รองลงมาคือพื้นฐานครอบครัวในเรื่อง เพศ อายุ อาชีพ และจานวนสมาชิกในครอบครัว โดยมีอิทธิพลต่อการบริหารจัดการป่าชุมชนใกล้เคียงกับพื้นฐานเศรษฐกิจด้านรายจ่าย ในขณะเดียวกันการนาหลักพุทธธรรมอปริหานิยธรรมไปประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการป่าชุมชนมีอิทธิพลทางตรงต่อการบริหารจัดการป่าชุมชน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
3) แนวคิดทฤษฎีและหลักพุทธธรรมที่เหมาะสมสาหรับการบริหารจัดการป่าชุมชนรอบแนวเขตอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ คือ หลักอปริหานิยธรรม 7 อันเป็นหลักธรรมในการขับเคลื่อนชุมชนให้มีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน ทุกกระบวนการ อันประกอบด้วย (1) หมั่นประชุมกันเนืองนิตย์ (2) พร้อมเพรียงกันในการเข้าประชุม (3) ไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่ได้บัญญัติไว้ (4) การให้ความเคารพ นับถือ ให้เกียรติผู้ใหญ่ (5) การให้เกียรติ คุ้มครอง ป้องกันสตรีและผู้ใต้บังคับบัญชามิให้ถูกข่มเหง (6) คำนึงถึงเกียรติศักดิ์ศรีและเคารพในสิ่งที่ควรเคารพ และ (7) ให้การอารักขาคุ้มครองป้องกันอันชอบธรรมการบริหารจัดการป่าชุมชนรอบแนวเขตอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ นั้นสามารถนำหลักพุทธธรรมอปริหานิยธรรมมาประยุกต์ใช้ในเชิงบูรณาการร่วมกับการบริหารจัดการ
สมัยใหม่ 3 ด้าน (1) การบริหารจัดการป่าชุมชนด้านการบริหารทรัพยากรในพื้นที่ป่าชุมชน (2) การบริหารจัดการป่าชุมชนด้านแผนงานและความร่วมมือ และ (3) การบริหารจัดการป่าชุมชนด้านความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนกับหน่วยงานของรัฐ โดยลดข้อจากัดต่าง ๆ ให้คนในชุมชนซึ่งทุกคนเปรียบเสมือนเป็นเจ้าของป่าชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ ประกอบด้วย (1) การมีส่วนร่วมในการค้นหาปัญหาและสาเหตุของปัญหาของแต่ละท้องถิ่นตลอดจนกำหนดความต้องการของชุมชน (2) การมีส่วนร่วมในการวางแผนดาเนินกิจกรรม (3) การมีส่วนร่วมในการลงทุนและการปฏิบัติงาน (4) การมีส่วนร่วมในการติดตามและประเมินผลงาน และ (5) การมีส่วนร่วมในการรับผลประโยชน์ และเพื่อให้ป่าชุมชนสามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืนชุมชนต้องสร้างภาคีเครือข่ายจากภาคสังคมเพื่อช่วยเหลือพึ่งพากัน และในขณะเดียวกันทุกภาคส่วนต้องเข้ามาสนับสนุนอย่างเป็นระบบ
References
พรเทพ ศรีธนาธร. (มกราคม-มิถุนายน,2556). “นวัตกรรมการจัดการป่าชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน:กลไกการจัดการ การมีส่วนร่วม และความสำเร็จของชุมชนในการอนุรักษ์ป่าชุมชนห้วยแม่หิน จังหวัดลาปาง”. วารสารศรีนครินทรวิโรฒวิจัยและพัฒนา (สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์), 5(9): 99 – 115.
พระครูปริยัติวิสุทธิคุณ, ผศ.ดร.และคณะ. (2551). “การใช้หลักพุทธศาสนาในการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนพึ่งตนเองลุ่มแม่น้ามูล อาเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์”. รายงานการวิจัย. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสุรินทร์.
มนูญ หวันหยี. (2550). “บทบาทผู้นำชุมชนการมีผลประโยชน์และการมีส่วนร่วมของชุมชนที่มีผลต่อการยอมรับโครงการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย ”.วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการพัฒนา. บัณฑิตวิทยาลัย :
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา.
สมชาย โพธิ์ตระกูล. (พฤษภาคม – สิงหาคม, 2558). “การบริหารจัดการการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ในประเทศไทย”, วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย ฉบับสังคมศาสตร์และมนุษศาสตร์, 5(2): 61-75.
สุขุมาลย์ ประสมศักดิ์. (2556). “กลยุทธ์การมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการสิ่งแวดล้อมตามหลักพุทธธรรมขององค์การบริหารส่วนจังหวัด ในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน”.วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์. บัณฑิตวิทยาลัย :มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
สุวารีย์ ศรีคา. (2558). “พุทธบูรณาการเพื่อการบริหารจัดการของโรงเรียนฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร”, วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต รัฐประศาสนศาตร์. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
อำนวยพร ชลดารงกุล. (2542). “การบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้แบบมีส่วนร่วม: กรณีศึกษาชุมชนบ้านยางโทน อาเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี”. รายงานการวิจัย. สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า : กรมป่าไม้.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2020 วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ภาพหรือตารางหรือเนื้อหาอื่นๆ ของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้งแสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์ หากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดเบื้องต้น ทางวารสารจะถอดบทความของท่านออกโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น